190 likes | 2.4k Views
Emulsifying Agent. Emulsion . หมายถึงของ 2 ชนิด ผสมกันอยู่ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน (ปกติไม่รวมกัน) แต่มิได้แยกออกจากกันโดยเห็นชัด โดยส่วนหนึ่ง ส่วนที่กระจายตัวมักจะมีปริมาณน้อยกว่า
E N D
Emulsion หมายถึงของ 2 ชนิด ผสมกันอยู่ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน (ปกติไม่รวมกัน) แต่มิได้แยกออกจากกันโดยเห็นชัด โดยส่วนหนึ่ง ส่วนที่กระจายตัวมักจะมีปริมาณน้อยกว่า เรียกว่า disperse phase หรือ discontinuous phase หรือ internal phase ส่วนที่มีปริมาณมากว่าจะทำหน้าที่ห่อหุ้มส่วนที่กระจายตัว เรียกว่า continuous phase หรือ external phase หรือ external phase
ชนิดของ Emulsion มี 2 แบบ คือ 1. Oil in water (o/w) น้ำมัน เป็น dispersed phsase ตัวอย่างเช่น นม, ไอศครีม,มายองเนส 2. Water in oil (w/o) น้ำ เป็น dispersed phsaseตัวอย่างเช่น เนย, มาการีน
ลักษณะทางกายภาพของ emulsion จะแตกต่างกันในด้านลักษณะและความหนืด • Appearance อิมัลชั่นอาจมีลักษณะปรากฏที่ขุ่น ทึบแสง ขาว หรือโปร่งใส • viscosity ความหนืดของ emulsion มักใกล้เคียงกับความหนืดของ external phase
การทำ emulsion ต้องให้ dispersed phase กระจายตัวโดยมีขนาดเล็กที่สุด โดยใช้เครื่องผสม (blender) homogenizer หรือ colloid mill การทำอิมัลชันแบบ inversion เช่น ต้องการเตรียมอิมัลชันชนิด o/w จะผสมน้ำมัน, emulsifier ให้เข้ากันดีในเครื่องผสม เติมน้ำทีละน้อย visicosity เพิ่มขึ้นจนถึงจุด inversion point viscosity จะลดลงโดยฉับพลัน และเปลี่ยนจาก w/o เป็น o/w
ปัจจัยที่มีผลต่อความคงตัวของ emulsion • viscosity ของ continuous phase ควรจะมาก • -electric charge continuous phase ควรมีประจุสูง • dispersed phase ควรมีขนาดเล็กที่สุด • Interfacial tension ควรให้น้อยที่สุด (ระหว่างส่วนผสม) • การดูดซับอนุภาคของแข็งที่ผิวของ emulsifier phase ควรให้มีปริมาณของแข็งที่ปะปนอยู่ใน internal phase น้อยที่สุด
Emulsifier(emulsifying agent) คือสารเคมีที่สามารถ emulsify หรือทำให้ emulsion, foam คงตัวโดยอาศัยคุณสมบัติการลดแรงตึงระหว่างผิว ในอดีตจะใช้อิมัลซิไฟเออร์ที่ได้จากธรรมชาติ เช่น gum, polysaccharide, lecithin, lipoprotein, bile salt แต่ในปัจจุบันนิยมอิมัลซิไฟเออร์พวก monoglyceride (MG) และ diglyceride (DG)โดยพบว่า 70% ของอิมัลซิไฟเออร์ จะอยู่ในรูป MG, DG
อาจแบ่ง emulsifier (surfactant) ได้หลายประเภท ดังนี้ • แบ่งตามประจุ • anionic - surfactant ที่มีประจุลบบนส่วนที่เป็ฯ active portion ของโมเลกุล • cationic - surfactant ที่มีประจุบวกบนส่วนที่เป็ฯ active portion ของโมเลกุล • non-ionic – โมเลกุลไม่แสดงประจุ
amphoteric - แสดงได้ทั้งประจุบวกและประจุลบขึ้นกับ pH • Zwitter ionic – แสดงทั้งประจุบวกและประจุลบที่ surface active portion • 2. แบ่งตามค่า HLB (hydrophilic – lipophilic balance) • 3. แบ่งตามการละลาย • 4. แบ่งตาม function group เช่น เป็นอิมัลซิไฟเออร์ ชนิดที่ไขมันอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัว (saturate/unsaturate) , acid, alcohol
การเลือกใช้ emulsifier อาจพิจารณาจากค่า HLB ซึ่งจะบอกปริมาณร้อยละโดยน้ำหนักของส่วน hydrophilic โดยปกติ HLB มีค่า 0-20 ถ้าเป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่ชอบน้ำมัน, น้ำ เท่า ๆ กัน จะมีค่า HLB = 10 ถ้าโมเลกุลเป็นพวกที่ชอบน้ำอย่างเดียว (100%hydrophilic) จะมีค่า HLB = 20
การคำนวณค่า HLB HLB = E/5 = 20(1- S/A) ;E = ร้อยละโดยน้ำหนักของ hydrophilic ในโมเลกุล S =Saponification number (mg. KOH ที่ saponify oil 1 g.) A = acid number ของกรดไขมันที่เกาะอยู่ในโมเลกุล (การคำนวณ HLB ตามสูตรข้างบนมักใช้กับพวก nonionic emulsifier)
ค่า HLB จะบอกคุณสมบัติในการนำมาใช้ประโยชน์ได้ดังนี้ HLB function 4 –6 w/o emulsifier 7 – 9 wetting agent 8 – 18 o/w emulsifier 13 – 15 detergent 15 – 18 solubiliser
Optimum stability ของ W/O emulsifier คือ HLB 3.5 • O/W emulsifier คือ HLB 12 • emulsifier หลายชนิดผสมกันให้ผลดีกว่า emulsifier ชนิดเดียวที่ค่า HLB เท่ากัน • การเตรียม o/w emulsion ควรเลือก emulsifier ที่ละลายน้ำ • การเตรียมอิมัลชันชนิด w/o ควรเลือกใช้ emulsifier ชนิดละลายได้ในไขมัน