1 / 35

การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน Computer Assisted Instruction : CAI

การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน Computer Assisted Instruction : CAI. อ. กฤติกา สังขวดี โปรแกรมวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม. คอมพิวเตอร์ช่วยสอนคืออะไร ?. ในการจัดการศึกษาเรามี คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนการสอน ถือเป็นเทคโนโลยีที่เป็นอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ชิ้นหนึ่งที่มี

elu
Download Presentation

การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน Computer Assisted Instruction : CAI

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน Computer Assisted Instruction : CAI อ. กฤติกา สังขวดี โปรแกรมวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สถาบันราชภัฏพิบูลสงคราม

  2. คอมพิวเตอร์ช่วยสอนคืออะไร ? ในการจัดการศึกษาเรามี คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนการสอน ถือเป็นเทคโนโลยีที่เป็นอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ชิ้นหนึ่งที่มี ประสิทธิภาพในการช่วยการสอนการนำบทเรียนช่วยสอน เข้ามามีบทบาททางการศึกษาอย่างหนึ่งก็เพื่อการบริหาร และใช้เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนที่เรียกว่า Computer Based Instruction : CBI คือการใช้ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์หลักในการสอนโดยสามารถแบ่ง ออกเป็น • คอมพิวเตอร์จัดการสอน(Computer Manage Instruction : CMI) • คอมพิวเตอร์ช่วยสอน(Computer Assisted Instruction : CAI)

  3. คอมพิวเตอร์ช่วยสอนคืออะไร ? • คอมพิวเตอร์จัดการสอน(Computer Manage Instruction : CMI) • คอมพิวเตอร์ช่วยสอน(Computer Assisted Instruction : CAI)

  4. คอมพิวเตอร์จัดการสอน : CMI เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดหลักสูตรการเรียน การจัดทำตารางสอน ระบบงานธุรการ งานสำนักงานระบบเงินเดือน ระบบการประเมินผล ระบบการลงทะเบียนเรียนเป็นต้น

  5. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน : CAI CAI เป็นกระบวนการเรียนการสอนโดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์ในการนำ เสนอเนื้อหาเรื่องราวต่างๆ มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรงและเป็นการ เรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์(Interactive) กับผู้เรียนคือสามารถ โต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ได้ จำแนกได้ 3 ชนิด คือ

  6. คอมพิวเตอร์ช่วยสอน : CAI 1. CAI (Computer Assisted Instruction) 2. CAL (Computer Assisted Learning) 3. CBT ( Computer Base Training)

  7. ความสามารถของบทเรียน CAI • ช่วยจัดในการจัดการเรียนการสอนตามจุดประสงค์ที่วางไว้ • มีความสามารถในการทบทวนบทเรียน • การวัดผลประเมินผล • เป็นชุดการเรียนที่สามารถเรียนได้ด้วยตนเอง • เนื้อหาโปรแกรมแบ่งเป็นหน่วย ๆ ได้ • ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเองได้ บทเรียนมักเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่มีความสามารถโต้ตอบกับนักเรียนได้ เสมือนกับได้นั่งเรียนกับครูจริงๆ

  8. องค์ประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนองค์ประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน • เสนอบทเรียนแบบสิ่งเร้าให้กับผู้เรียน ได้แก่ เนื้อหา ภาพนิ่ง คำถาม ภาพเคลื่อนไหว • เปรียบเป็นสารานุกรมให้ผู้เรียนได้ค้นคว้า • ให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อการเสริมแรง ได้แก่ การให้รางวัล การชมเชยหรือ คะแนน • ให้ผู้เรียนเลือกเรียนบทเรียนตามต้องการในลำดับหัวข้อ

  9. การแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน • ประเภทเพื่อการสอน (Tutorial Instruction) ประเภทนี้มีวัตุประสงค์ เพื่อการสอนเนื้อหาใหม่แก่ผู้เรียน มีการแบ่งเนื้อหาเป็นหน่วยย่อย เป็นตอน มีคำถามในตอนท้าย ถ้าตอบถูกและผ่าน ก็จะเรียนหน่วยถัดไป โปรแกรมประเภท Tutorial เป็นการนำเสนอโปรแกรมแบบสาขา สามารถสร้างเพื่อการเรียน สอนได้ทุกรายวิชา

  10. การนำเสนอโปรแกรมบทเรียนแบบ Tutorial Instruction บทนำโปรแกรม เสนอเนื้อหาบทเรียน คำถามและคำตอบ จบบทเรียน ให้ข้อมูลย้อนกลับ ตรวจคำตอบ

  11. ประเภทการฝึกหัด(Drill and Practice) ประเภทนี้มีวัตถุประสงค์คือ เป็นการฝึกความแม่นยำ หลังจากที่เรียนเนื้อหาจากในห้องเรียนมาแล้วจะเป็ฯการสุ่มคำถามที่นำมาจากคลังคำถาม จากนั้นจะมีการประเมินผลผู้เรียน

  12. รูปแบบโปรแกรมบทเรียนแบบ Drill and Practice บทนำโปรแกรม เสนอปัญหา คำถาม คำถามและคำตอบ จบบทเรียน ให้ข้อมูลย้อนกลับ ตรวจคำตอบ

  13. ประเภทสถานการณ์จำลอง(Simulation)ประเภทสถานการณ์จำลอง(Simulation) วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้ทดลองปฏิบัติกับสถานการณ์จำลองที่มี ความใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริง เพื่อฝึกทักษะและเรียนรู้โดยเป็นการจำลองสกถานการณ์ให้ผู้เรียนไม่ต้องเสี่ยงหรือเสียค่าใช้จ่ายมาก เช่นโปรแกรมสาธิต(Demostration) เพื่อให้ผู้เรียนทราบถึงทักษะที่จำเป็น

  14. ประเภทเกมการสอน (Instruction Games) ประเภทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้เรียน ให้ผู้เรียนเกิดความเร้าใจในการเรียนรู้ มีการแข่งขัน เราสามารถใช้เกมในการสอนและจัดบทเรียนให้เป็นเกมเพื่อเป็นสื่อที่ให้ความรู้แก่ผู้เรียนได้ในแง่ของกระบวนการ ทัศนคติ ตลอดจนทักษะต่างๆ ทั้งยังช่วยเพิ่มบรรยากาศในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน

  15. รูปแบบโปรแกรมแบบ Instruction Games บทนำโปรแกรม เสนอสถานการณ์ การกระทำที่ต้องการ การกระทำของผู้เรียน จบบทเรียน การปรับระบบ การกระทำของคู่แข่งขัน

  16. ประเภทการค้นพบ (Discovery มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียน ได้มีโอกาสทดลองกระทำสิ่งต่างๆ ก่อน จนกระทั่งสามารถหาข้อสรุปได้ด้วยตนเอง โปรแกรมจะเสนอปัญหาให้ ผู้เรียนได้ลองผิดลองถูกและให้ข้อมูลแก่ผู้เรียนเพื่อช่วยผู้เรียนในการค้น พบนั้น จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด

  17. ประเภทการแก้ปัญหา (Problem-Solving) เพื่อฝึกให้นักเรียนรู้จักการคิด การตัดสินใจ โดยจะมีเกณฑ์ ที่กำหนด ให้แล้วผู้เรียนพิจารณาตามเกณฑ์นั้นๆ • ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดปัญหาเอง • ผู้เขียนกำหนดปัญหาให้

  18. ประเภทเพื่อการทดสอบ (Test) ประเภทนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสอน แต่เพื่อใช้ประเมินการสอน แต่เพื่อใช้ประเมินการสอนของครูหรือการเรียนของนักเรียน คอมพิว- เตอร์จะประเมินผลในทันทีว่านักเรียนสอบได้หรือสอบตก และจะอยู่ ในลำดับที่เท่าไรได้ผลการสอบกี่เปอร์เซ็นต์

  19. การพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน Instruction Computing Development • ควรมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน กำหนดวัตถุประสงค์ชัดเจน ขั้นตอนออกแบบ Instruction Design ขั้นการผลิต Instruction Construction ขั้นการประยุตก์ใช้ Instruction Implement

  20. การออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน • วิเคราะห์เนื้อหา • เลือกเนื้อหาที่มีการฝึกทักษะซ้ำบ่อยๆหรือต้องมีภาพประกอบ • เลือกเนื้อหาที่คาดว่าจะประหยัดเวลาสอนได้มากกว่าวิธีเดิม • เลือกเนื้อหาบางอย่างที่สามารถจำลองในรูปของการสาธิตได้

  21. การออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน • ต้องศึกษาความเป็นไปได้ • มีบุคคลากรที่มีความรู้มากพอทีจะผลิตโปรแกรมหรือไม่ • จะใช้เวลาเท่าไร มากหรือน้อยกว่าเดิม • ต้องการอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติมมากน้อยเพียงใด • มีงบประมาณเพียงพอหรือไม่

  22. การออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน • กำหนดวัตถุประสงค์ โดยคำนึงถึง… • ความรู้พื้นฐานของผู้เรียน ว่าเป็นใคร อายุเท่าไร พื้นฐานเดิมเป็นอย่างไร • สิ่งที่คาดหวังจากผู้เรียน เมื่อได้ศึกษาโปรแกรมเรื่องนี้แล้ว

  23. การออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนการออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน • ลำดับขั้นการนำเสนอ • ภาษาที่ใช้มีความเหมาะสมกับผู้เรียนหรือไม่ • ขนาดของตัวอักษร ข้อความ สีของข้อความ เหมาะกับผู้เรียนหรือไม่ • องค์ประกอบโดยรวมใน 1 จอภาพ • ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง ดีหรือต้องปรับปรุง • การสร้างแรงเสริมแก่ผู้เรียน..คำชม รางวัลต่างๆมากหรือน้อยไป • แบบฝึกหัดประจำหน่วย ประจำบท

  24. สรุปขั้นตอนของการออกแบบโปรแกรม CAI วิเคราะห์เนื้อหา ศึกษาความเป็นไปได้ กำหนดวัตุประสงค์ ลำดับขั้นตอนการนำเสนอ

  25. หลักการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหลักการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นหน้าที่ของโปรแกรมเมอร์ ซึ่งจะดำเนินการต่อจากตอนแรกที่ได้มี การจัดทำเป็น Story board ไว้แล้ว • ขั้นการสร้างโปรแกรม โดยนำเอา Story Board ที่ได้สร้างไว้ • มาเขียนเป็นภาษาคอมพิวเตอร์หรืออาจใช้โปรแกรมสำหรับ • สร้างงานมัลติเมียเดียก็ได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ คำสั่งผิดพลาด ตรรกะผิดพลาด ความคิดรวบยอดผิดพลาด

  26. หลักการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหลักการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน • ขั้นการทดสอบการทำงาน • ควรมีการทดสอบหาข้อผิดพลาดที่เราเรียกว่า Bug • ตรวจสอบเนื้อหาบนจอภาพรวมรวมข้อแก้ไข • ทดลองใช้งานจริงกับนักเรียน (Try-Out Program)

  27. หลักการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหลักการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ขั้นปรับปรุงแก้ไข… หลังจากที่ทราบข้อผิดพลาดแล้วก็จะทำการแก้ไข โดยจะเริ่มที่ Story Board ก่อน จากนั้นแก้ไขโปรแกรม จนกระทั่งสม- บูรณ์ แล้วจึงจัดทำคู่มือประกอบการใช้โปรแกรมด้วย • คู่มือจะแบ่งเป็น 3 เล่มคือ • คู่มือผู้สอน • คู่มือผู้เรียน • คู่มือการใช้โปรแกรม

  28. สรุป สร้างและพัฒนาโปรแกรม ผู้สอน/เจ้าของพิจารณา รวมรวมข้อผิดพลาด ทดสอบการทำงาน ทดลองใช้งานจริง ตรวจหาข้อผิดพลาด จัดทำคู่มือโปรแกรม

  29. การสร้างคู่มือผู้เรียนการสร้างคู่มือผู้เรียน บอกชื่อเรื่อง ชื่อวิชา หน่วยการสอน ระดับชั้น บอกวัตถุประสงค์ทั่วไปของบทเรียน และของเนื้อหาวิชา บอกโครงร่างเนื้อหา บอกพื้นความรู้ที่ควรมีก่อนเรียนเนื้อหานี้ คำชี้แจงต่างๆ และแสดงตัวอย่างการใช้งานเฟรมบทเรียน บอกขั้นตอนของกิจกรรม กฏเกณฑ์ และข้อเสนอแนะ บอกระยะเวลาโดยประมาณในการเรียนบทเรียน

  30. การสร้างคู่มือผู้สอน • บอกโครงร่างเนื้อหา • บอกจุดประสงค์ • บอกรายละเอียดว่าสอนวิชาอะไร ตอนไหน พื้นฐานของผู้สอน • แสดงตัวอย่าง เพื่อชี้แนะผู้สอน ว่าจะใช้ CAI อย่างไร • แสดงตัวอย่าง Input และ Output จากผู้เรียน • เสนอแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม • เสนอแนะการดำเนินกิจกรรม • ตัวอย่างแบบทดสอบก่อน(ถ้ามี)และหลังบทเรียน

  31. การสร้างคู่มือการใช้โปรแกรมการสร้างคู่มือการใช้โปรแกรม • บอกชื่อโปรแกรม ผู้เขียน ลิขสิทธิ์ วันที่แก้ไขปรับปรุง • ภาษาหรือฟังก์ชั่น หรือโปรแกรมที่ใช้ • ฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นต้องมีหรือองค์ประกอบอื่นๆ • วิธีการเป็นขั้นๆ เริ่มตั้งแต่เปิดเครื่อง • พิมพ์ Source Code กรณีเป็นโปรแกรมภาษา • แสดงโฟลว์การทำงานของโปรแกรม • ตัวอย่างข้อมูล Input และ Output

  32. การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน • การประยุกต์ใช้ในห้องเรียน ใช้กับกลุ่มเป้าหมายจริง • การประเมินผล คือขั้นสุดท้ายของการพัฒนาโปรแกรม • ประเมินว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ • ประเมินว่าโปรแกรมทำงานได้เหมาะกับเนื้อหาหรือไม่ • ประเมินทัศนคติของผู้เรียน • ความยากง่ายในการใช้งาน

  33. แสดงชื่อเรื่อง แนะแนะบทเรียน เลือกบทเรียน แสดงคำอธิบาย Help แสดงคะแนน จบโปรแกรม ตั้งคำถาม รับคำตอบ ถามซ้ำอีก แสดงคำอธิบายเพิ่ม ตัวอย่างแสดงผังการทำงาน

  34. เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาโปรแกรม CAI เป็นการนำโปรแกรมที่นิยมมาใช้สร้างเพื่อความสะดวกในการนำเสนอบทเรียน • ใช้เวลาในการเรียนรู้บทเรียนได้ตลอด • ออกแบบให้ผู้เรียนสะดวก • สะดวกในการใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ พัฒนาด้วยโปรแกรม์ เช่น Toolbook, Authorware, Flash,Cula CAI ฯลฯ

  35. ลักษณะโครงสร้างของ CAI 1. การนำเสนอ (Presentation 2. การปฏิสัมพันธ์ (Interactive) 3. การประมวลผล (Evaluation

More Related