370 likes | 706 Views
อาเซียน ASEAN ที่มาแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC. อาเซียน 6. สมาชิกใหม่ CLMV. ปี 2540. ปี 2540. ปี 2510. ปี 2510. ปี 2538. ปี 2510. ปี 2542. ปี 2527. ปี 2510. ปี 2510. ก่อตั้งเมื่อปี 2510 ครบรอบ 40 ปีเมื่อ ปี 2550.
E N D
อาเซียน ASEAN ที่มาแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC อาเซียน 6 สมาชิกใหม่ CLMV ปี 2540 ปี 2540 ปี 2510 ปี 2510 ปี 2538 ปี 2510 ปี 2542 ปี 2527 ปี 2510 ปี 2510 • ก่อตั้งเมื่อปี 2510 ครบรอบ 40 ปีเมื่อปี2550 • จุดประสงค์เริ่มแรก – สร้างความมั่นคง เพื่อต้านภัยคุกคามคอมมิวนิสต์ สมาชิก และปีที่เข้าเป็นสมาชิก 1
กฎบัตรอาเซียน ASEAN Blueprint กฎบัตรอาเซียน ประชาคมอาเซียน พิมพ์เขียว AEC AEC Blueprint ประชาคม ความมั่นคง อาเซียน (ASC) ประชาคม ความมั่นคงอาเซียน (ASC) ประชาคม เศรษฐกิจ อาเซียน (AEC) ตารางดำเนินการ Strategic Schedule ประชาคม สังคม-วัฒนธรรมอาเซียน (ASCC) ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
การเป็นตลาดเดียวและฐานการผลิตร่วมการเป็นตลาดเดียวและฐานการผลิตร่วม - เคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การ ลงทุน แรงงานมีฝีมือ และการ เคลื่อนย้ายเงินทุนเสรีมากขึ้น ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนAEC • การสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันทางเศรษฐกิจของอาเซียน • ส่งเสริมความสามารถในด้าน • ต่างๆ เช่น นโยบายการ • แข่งขัน สิทธิในทรัพย์สินทาง • ปัญญา นโยบายภาษี และการ • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน • การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเสมอภาค • ส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของสมาชิก ลดช่องว่างระดับการพัฒนา และสนับสนุนการพัฒนาSMEs AEC Blueprint • การบูรณาการเข้ากับเศรษฐกิจโลก • ปรับประสานนโยบายเศรษฐ • กิจของอาเซียนกับประเทศ • ภายนอกภูมิภาค เช่น FTA สร้าง • เครือข่ายการผลิต/จำหน่าย ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC)(3) เป้าหมาย อาเซียนจะรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจภายในปี 2558 (2015) ตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน (single market and production base) การเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานฝีมือเสรี และการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เสรีมากขึ้น (free flows of goods, services, investment, and skilled labors, and free flow of capital)
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community:AEC) แนวทางดำเนินงานเพื่อนำไปสู่การเป็น AEC การเปิดเสรีด้านการค้าสินค้า บริการ และการลงทุนระหว่างกันตามกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ที่มีอยู่เดิม เช่น การเร่งลดภาษีสินค้าระหว่างกันให้เหลือร้อยละ 0 ภายในปี 2553 สำหรับสมาชิกเดิม และปี 2558 สำหรับสมาชิกใหม่ภายใต้กรอบ AFTA การยกเลิกข้อจำกัดการประกอบการด้านการค้าบริการในอาเซียน ภายในปี 2563 ภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าบริการ อาเซียน (AFAS) การเปิดให้มีการลงทุนเสรีในอาเซียนและการให้การปฎิบัติเยี่ยงคนชาติต่อนักลงทุนอาเซียนภายในปี 2553 ภายใต้เขตการลงทุนเสรีอาเซียน (AIA) เป็นต้น
ผลลัพฑ์จากการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC การเป็น ตลาดเดียว และฐานการผลิตร่วม ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ และทิศทางของอาเซียน อาเซียนดำเนินการเปิดเสรีระหว่างกันมาตั้งแต่ปี 2535 และมีการดำเนินการมาถึงระดับหนึ่งแล้ว FTA อาเซียนยังไม่มีการทำ Common External Tariff ร่วมกัน Custom Union Common Market อาเซียนมีการขจัดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีบ้างแล้ว แต่ปัจจัยการผลิตยังไม่เคลื่อนย้ายเสรี (การเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีเฉพาะแรงงานมีฝีมือ) ยังไม่มีนโยบายการค้าร่วมกัน Economic Union ยังมีการพิจารณาไปถึงขึ้นใช้เงินสกุลร่วม การโครงสร้างภาษีและรัฐธรรมนูฐการเมืองร่วมกัน Political Union
สินค้า ข้อตกลง FTA เริ่มตั้งแต่ปี 2535 เปิดเสรีทั้งสิ้นภายในปี 2558 ปัจจุบันไทยเหลือสินค้าอ่อนไหว 4 ชนิดสินค้า 13 ประเภทย่อย ได้แก่ กาแฟ มันฝรั่ง มะพร้าวแห้ง และไม้ตัดดอก ความตกลงที่สำคัญในการเป็นตลาดเดียวและฐานการผลิตร่วม บริการ ความตกลงว่าด้วยบริการอาเซียนเริ่มปี 2538 เร่งรัดการเปิดตลาดใน 5 สาขาและเปิดเสรีบริการทุกสาขาภายในปี 2558 ลงทุน เขตการลงทุนอาเซียนเริ่มปี 2541 เปิดเสรีในปี 2558 ความ ร่วมมือ ด้านเกษตร ป่าไม้ สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน e-ASEAN ฯลฯ ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
1. การเป็นตลาดเดียวกันและฐานการผลิตร่วม: การลดภาษีระหว่างกัน เงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์ 1.ต้องเป็นสินค้าอยู่ในบัญชีลดภาษี (Inclusion List: IL) 2.เป็นสินค้าที่มีการผลิตในอาเซียนรวมกันคิดเป็นมูลค่าอย่างน้อยร้อยละ 40 3.สินค้ามีการแปลงสภาพอย่างเพียงพอ หรือ ได้ถิ่นกำเนิดเฉพาะสินค้า สินค้าส่วนใหญ่ไม่มีภาษีระหว่างอาเซียนด้วยกันในปี 2015 ที่มา: บริษัท ไบรอัน เคฟ (ประเทศไทย) จำกัด รวบรวมจากกระทรวงพาณิชย์
รายการสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูงรายการสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูง ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
รายการสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูงรายการสินค้าอ่อนไหวและอ่อนไหวสูง ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
NTBs : Non-Tariff Barriers NTBs ชุดที่ 1 NTBs ชุดที่ 2 NTBs ชุดที่ 3 1ม.ค.2551(2008) ยกเลิกภายใน1ม.ค.2552(2009) อาเซียน5 ภายใน1ม.ค.2553(2010) ฟิลิปปินส์ ภายใน1ม.ค.2555(2012) CLMV ภายใน1ม.ค.2558(2015) ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ประโยชน์จากการใช้แหล่งกำเนิดสินค้าในกลุ่ม AEC การใช้ประโยชน์จาก AEC ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ประโยชน์จากการใช้แหล่งกำเนิดสินค้าในกลุ่ม AEC ASEAN + การใช้ประโยชน์จาก AEC ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ASEAN Rule of Origin การกำหนดกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า • มีจุดมุ่งหมายที่จะปรับปรุงกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าให้มีความโปร่งใส มีมาตรฐานที่เป็นสากล และอำนวยความสะดวกให้แก่เอกชนมากขึ้น อาทิ การจัดทำกฎการได้แหล่งกำเนิดสินค้าโดยวิธีการแปรสภาพอย่างเพียงพอ (Substantial Transformation) และกฎการได้แหล่งกำเนิดสินค้าของอาเซียนแบบสะสมบางส่วน (Partial Accumulation Rule of Origin) มาใช้เป็นทางเลือกสำหรับการคำนวณแหล่งกำเนิดสินค้า • ปรับปรุงกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าของอาเซียน - พิจารณาจัดทำกฎการได้แหล่งกำเนิดสินค้าแบบเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rule: PSR) ให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นอกเหนือจากกฎ Regional Value Content (RVC) 40% โดยมีแนวทางหลักๆ ดังนี้ 3.1) สินค้าที่ยังไม่เคยมี PSR ทั้งในกรอบ ASEAN FTA และกรอบ AFTA ให้ใช้ “กฎ RVC 40หรือ CTH” 3.2) สินค้าที่มี PSR แล้วทั้งในกรอบ ASEAN FTA และกรอบ AFTA ให้ใช้ “กฎ PSR ที่ยืดหยุ่น มากกว่า” 3.3) สินค้าที่มี PSR ในกรอบ ASEAN FTA แต่ยังไม่มีใน AFTA ให้ “คณะทำงาน ROO เป็นผู้ พิจารณาจัดทำกฎที่เหมาะสมขึ้น”
การส่งออกและนำเข้าสิ่งทอไทยการส่งออกและนำเข้าสิ่งทอไทย คาดการณ์ว่าในปี 2554 แนวโน้มในการขยายตัวต่อการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทย ยังน่าจะขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่มากเท่าเมื่อเทียบกับปี 2553 คาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มไทยในปี 2554 จะมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 8,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 และคาดการณ์ว่าตลาดอาเซียนจะเป็นตลาดคู่ค้าอันดับแรกของไทย แทนที่สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันสินค้าสิ่งทอมีสัดส่วนของมูลค่าการส่งออกสูงกว่าเครื่องนุ่งห่มมาตั้งแต่ปี 2550 อันเกิดจากสาเหตุ 2 ประการใหญ่ๆ ด้วยกัน กล่าวคือ ประการแรก เกิดจากการรวมกลุ่มภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนและการรวมกลุ่มการค้าอื่นๆ ที่มีความต้องการนำเข้าเส้นใย เส้นด้าย และผ้าผืน อันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเครื่องนุ่งห่มในกลุ่มอาเซียนคือ เวียดนาม ลาว กัมพูชา และเมียนมาร์ ทำให้การส่งออกของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยในอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้น ประการที่สอง ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ได้มีการย้ายฐานการผลิตไปอยู่ในประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า อาทิเช่น ลาว ฯลฯ เพื่อลดต้นทุนในการผลิต
สัดส่วนการถือหุ้นให้กับนักลงทุนสัดส่วนการถือหุ้นให้กับนักลงทุน ปี 2551 (2008) ปี 2553 (2010) ปี 2549 (2006) ปี 2556 (2013) ปี 2558 (2015) สาขา PIS 51% 70% 49% 70% 70% PIS: Priority Integration Sectors(สาขาเร่งรัดการรวมกลุ่ม) 2. การเปิดเสรีธุรกิจบริการ เทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT)/สุขภาพ/ท่องเที่ยว/การบิน โลจิสติกส์ 49% 51% สาขาอื่น 30% 49% 51% ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
3. การเปิดเสรีการลงทุน C ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
ผลกระทบและการเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไทย (1) ข้อสังเกตุ ASEAN ไม่ได้เป็น Custom Union ก่อนที่จะเป็น (ASEAN ECONOMIC COMMUNITY:AEC) เนื่องจากอัตราอากรนำเข้าของประเทศสมาชิกไม่เท่ากัน ซึ่งอาจมีช่องทางให้ประเทศผู้ผลิตสินค้าที่อยู่นอกกลุ่มอาศัยช่องทางจากประเทศที่มีภาษีนำเข้าต่ำกว่าเข้ามาใน ASEAN ได้ หากกฎถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) ไม่เหมาะสม
ผลกระทบของ AEC ต่ออุตสาหกรรมไทย (+) ผลกระทบเชิงบวก ตลาดที่มีขนาดใหญ่เพิ่มโอกาสในการส่งออก ต้นทุนในการผลิตของไทยต่ำลง สามารถนำเข้าสินค้าและบริการได้ในราคาถูกลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางที่ใช้ในการผลิต จะทำให้มีความได้เปรียบในด้านต้นทุนการผลิตที่มากขึ้น นักลงทุนไทยสามารถไปลงทุนยังประเทศอาเซียนได้ง่ายขึ้น สามารถแสวงหาแหล่งลงทุนทีเหมาะสม ทั้งในด้านวัตถุดิบ แรงงาน โอกาสของไทยในการส่งออกแรงงานคุณภาพ และเป็นการแสวงหาแรงงานคุณภาพในสาขาที่ขาดแคลนมาใช้
ผลกระทบของ AEC ต่ออุตสาหกรรมไทย (-) ผลกระทบเชิงลบ สินค้าของประเทศอาเซียนอื่นเข้าสู่ตลาดไทยได้โดยง่าย ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น ในด้านการลงทุน หากประเทศไทยไม่มีการพัฒนาปัจจัยพื้นฐาน (Infrastructure) ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงาน (Labor productivity) และไม่มีการปรับปรุงกฎระเบียบกฎหมายให้มีความทันสมัยไม่เป็นอุปสรรคต่อนักลงทุน อาจทำให้มีการย้ายฐานการผลิตจากประเทศไทยไปยังประเทศอื่นๆ ใน ASEAN
ผลกระทบของ AEC ต่ออุตสาหกรรมไทย (-) การเคลื่อนย้ายแรงงานได้อย่างเสรี ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของแรงงานมีฝีมือของไทยไปประเทศที่ให้ค่าตอบแทนสูงกว่า เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน และต้องจ้างแรงงานต่างด้าวจากประเทศที่ค่าแรงถูกกว่าเข้ามา อาจก่อปัญหาด้านสังคม และเนื่องจากทิศทางนโยบายของไทยคือ การเป็น “รัฐสวัสดิการ” ทำให้งบประมาณของรัฐส่วนหนึ่งจะไปเป็นสวัสดิการของแรงงานต่างด้าว
ผลกระทบของ AEC ต่ออุตสาหกรรมไทย (-) ตลาดสินค้าในประเทศ (Domestic Market) แต่ตลาดภายในยังไม่มีกลไกในการป้องกันไม่ให้สินค้าคุณภาพต่ำกว่าที่ผลิตได้ในประเทศเข้ามาขายในประเทศมากขึ้น ผู้บริโภคใช้สินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศที่มีคุณภาพและราคาต่ำกว่า ดังนั้นจึงควรมีมาตรการที่จะเพิ่มความต้องการใช้สินค้าในประเทศด้วย
การเตรียมความพร้อมของภาคอุตสาหกรรม ต่อการเข้าเป็น AEC
A Framework for Global Network Design Decisions Makingขั้นตอนที่ 1: วิเคราะห์กลยุทธ์ Supply Chain
A Framework for Global Network Design Decisions Makingขั้นตอนที่ 2: พิจารณารูปลักษณ์การลงทุนและสิ่งอำนวยความสะดวก
A Framework for Global Network Design Decisions Makingขั้นตอนที่ 3: ความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง
A Framework for Global Network Design Decisions Makingขั้นตอนที่ 4: การเลือกสถานที่คั้ง
รายละเอียดความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจของอาเซียนรายละเอียดความยากง่ายในการดำเนินธุรกิจของอาเซียน ที่มา: Doing Business 2011, World Bank
ตารางแสดงสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรสิ่งทอทั้งหมดของอินโดนีเซียตารางแสดงสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรสิ่งทอทั้งหมดของอินโดนีเซีย ที่มา : กระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย
อินโดนีเซียมีการนำเข้าสิ่งทอและผลิตภัณฑ์จากตลาดโลกอินโดนีเซียมีการนำเข้าสิ่งทอและผลิตภัณฑ์จากตลาดโลก ปี 2552 อินโดนีเซียมีการนำเข้าสิ่งทอและผลิตภัณฑ์จากตลาดโลกที่สำคัญ 5 ประเภท แรกได้แก่ • เส้นด้ายฝ้าย (Cotton Yarn) มีมูลค่าการนำเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 1,476 ล้านเหรียญสหรัฐ หรืลดลงร้อยละ 25.05 เมื่อเทียบกับปี 2551โดยนำเข้าจาก จีน สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ออสเตรเลีย และอินเดีย เป็นต้น • ผ้าถัก (Knit Fabric) มีมูลค่าการนำเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 628.49 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 11.6 เมื่อเทียบกับปี 2551โดยนำเข้าจาก เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และไทย เป็นต้น • ผ้าใยสังเคราะห์ (Manmade Filament Fabric) มีมูลค่าการนำเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 572.12 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 20.64 เมื่อเทียบกับปี 2551โดยนำเข้าจาก จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง เป็นต้น • เส้นใยประดิษฐ์ (Manmade Staple Fibers) มีมูลค่าการนำเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 561.73 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 8.24 เมื่อเทียบกับปี 2551 โดยนำเข้าจากจีน ญี่ปุ่น ไทย ไต้หวันและ เกาหลีใต้ เป็นต้น 5. ผ้าผืน (Impregnated Text Fabric) มีมูลค่าการนำเข้า ในปี 2552 ทั้งหมด 248.21 ล้านเหรียญ สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 11.69 เมื่อเทียบกับปี 2551โดยนำเข้าจากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน เยอรมนี และ ญี่ปุ่น เป็นต้น
การวิเคราะห์ SWOT ของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย จุดแข็ง (Strength) • อุตสาหกรรมสิ่งทอของไทยมีการผลิตครบวงจร ตั้งแต่อุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ • มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งสมาคม เพื่อพัฒนา ให้ความช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทย อาทิเช่น การตั้งสมาคมอุตสาหกรรมเส้นใยสังเคราะห์ สมาคมอุตสาหกรรมทอผ้าไทย สมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย สมาคมอุตสาหกรรมฟอกย้อม พิมพ์ และตกแต่งสำเร็จ สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และสมาคมไหมไทย • ผู้ซื้อเชื่อมั่นในผู้ประกอบการไทย เพราะมีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอยาวนานกว่า 30 ปี • รัฐบาลมีเสถียรภาพ ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความมั่นใจที่จะมาลงทุนร่วมกับ ผู้ประกอบการไทย ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ • มีความร่วมมืออันดีระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ • ประเทศไทยมีที่ตั้งเหมาะสมในการเป็นศูนย์กลางภูมิภาค
การวิเคราะห์ SWOT ของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย จุดอ่อน (Weakness) • ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ เนื่องจากเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิตมีอายุการใช้งานนานกว่า 10 ปี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเส้นใย ปั่นด้าย และฟอกย้อม ทำให้สินค้าที่ผลิตได้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้คุณภาพตามความต้องการของผู้ซื้อ • ต้นทุนการผลิตสูง เนื่องมาจากโครงสร้างภาษีที่ไม่เหมาะสม กล่าวคือ มีอัตราภาษีนำเข้าวัตถุดิบในอัตราสูง โดยเฉพาะอัตราภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เส้นใยสังเคราะห์ สารเคมี และวัตถุดิบในการย้อมสี แม้ว่าจะได้ทำการปรับลดอัตราภาษีลงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าประเทศไทยมีอัตราที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ • ขาดการทำตลาดเชิงรุก ส่วนใหญ่เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า และไม่มี แบรนด์เนมเป็นของตนเอง ตลอดจนขาดการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา • ขาดแคลนบุคลากรด้านสิ่งทอ เนื่องจากมีบุคลากรที่จบการศึกษาทางด้านนี้จำนวนน้อย โดยจำนวนผู้จบการศึกษาสาขาสิ่งทอจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ในแต่ละปี มีจำนวนไม่ถึง 700 คน หรือน้อยกว่าร้อยละ 1 ของจำนวนแรงงานที่มีในอุตสาหกรรมสิ่งทอทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องสร้างแรงจูงใจ เพื่อให้มีผู้เข้าศึกษาด้านสิ่งทอเพิ่มมากขึ้น ดังแสดงในตารางที่ 9-1
การวิเคราะห์ SWOT ของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย โอกาส (Opportunities) • ค่าจ้างแรงงานยังไม่สูงจนเกินไปนัก เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง เช่น ประเทศจีน • สามารถแข่งขันในด้านการส่งออกเครื่องนุ่งห่มกับประเทศคู่แข่ง เช่น ประเทศจีน มาเลเซีย และอินโดนีเซียได้ โดยเฉพาะสินค้าที่มีลักษณะเป็นแฟชั่น มีความแตกต่างหลากหลาย • ประเทศคู่แข่งที่สำคัญของไทย อย่างเช่น ประเทศอินโดนีเซียก็ประสบกับปัญหาการเมืองภายในประเทศ???ซึ่งแตกต่างกับไทยที่มีเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้นโยบายต่างๆ มีความต่อเนื่อง และส่งผลดีต่อการสนับสนุนโครงการและมาตรการต่างๆ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ • เนื่องจากความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการผลิต ทำให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มได้ เช่น การสร้างสรรค์เส้นใยชนิดใหม่ และพัฒนาเทคนิคการฟอกย้อม • ตลาดชายแดนเพื่อนบ้าน เป็นตลาดที่สำคัญของไทย ดังจะเห็นได้จากมูลค่าทางการค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง • การที่ประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนของไทยส่วนใหญ่ เป็นประเทศที่มีรายได้น้อย อีกทั้งระดับพื้นฐานทางเทคโนโลยีสิ่งทอต่ำ และอัตราค่าจ้างแรงงานถูกกว่าไทยมาก เช่น ประเทศลาว พม่า และกัมพูชา จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะขยายฐานการผลิตไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าว เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต
การวิเคราะห์ SWOT ของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ภัยคุกคาม (Threat) • การจำกัดปริมาณโควตาส่งออกในกลุ่มประเทศที่มีข้อตกลงทางการค้าสิ่งทอ ทำให้ ไม่สามารถเพิ่มการส่งออกได้ • ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข/กฎระเบียบสากล เช่น มาตรฐานการผลิต (ISO 9000) มาตรฐานสิ่งแวดล้อม (ISO 14000) และมาตรฐานการจ้างงาน (SA 8000) เป็นต้น • ขาดข้อมูลเชิงลึก ข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ และขาดการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย เช่น ข้อมูลด้านการผลิต การนำเข้าและส่งออกของประเทศคู่แข่ง เป็นต้น
การสนับสนุนเงินทุนประกอบการจากรัฐการสนับสนุนเงินทุนประกอบการจากรัฐ ในปี 2552 รัฐบาลอินโดนีเชียจึงมีนโยบายสนับสนุนการผลิตสินค้าสิ่งทอ • รัฐบาลอินโดนีเซียให้ส่วนลดร้อยละ 11.0 ของราคาเครื่องจักรใหม่ ด้วยงบประมาณ 175 พันล้านรูปี หรือ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แบ่งเป็นสำหรับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป 52.5 พันล้านรูปี ปั่นด้ายทอผ้า 35 พันล้านรูปี สิ่งทออื่นๆ 87.5 พันล้านรูปี • รัฐบาลให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับการซื้อเครื่องจักรและเครื่องมือใหม่ โดยจะให้เงินกู้ในจำนวนไม่น้อยกว่า 100 ล้านรูปี แต่สูงสุดไม่เกิน 5 พันล้านรูปี (หรือร้อยละ 75 ของเครื่องจักรใหม่) ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าวจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วไปของธนาคารพาณิชย์ประมาณร้อยละ 4-5 ต่อปี
ข้อแตกต่างของการรวมกลุ่ม AEC และ EU ที่มา: บริษัท ไบรอัน เคฟ (ประเทศไทย) จำกัด