360 likes | 664 Views
อาหารคาว อาหารหวาน อาหารจานเดียว. จัดทำโดย. เด็กชายเกียรติชัย ปัญญาธรรม. ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 เลขที่ 1 โรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูน. เสนอ. อาจาร์ยเกศริน ขจรคำ. คำนำ.
E N D
อาหารคาว อาหารหวาน อาหารจานเดียว จัดทำโดย เด็กชายเกียรติชัย ปัญญาธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 เลขที่ 1 โรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูน เสนอ อาจาร์ยเกศริน ขจรคำ
คำนำ หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อนให้นักเรียนได้อ่านศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่อง อาหารคาว อาหารหวาน อาหารจานเดียว ว่ามีอะไรบ้างถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย เด็กชายเกียรติชัย ปัญญาธรรม
ลาบหมู ( จิ้นลาบ ) ลาบหมู หรือ จิ้นลาบ เป็นอาหารของทางภาคเหนือที่อร่อย และเป็นอาหารจานเด็ดของชาวเหนือ เช่นเดียวกับลาบวัวของชาวอีสาน แต่กรรมวิธีการปรุงลาบหมูของชาวเหนือ จะไม่เหมือนกับลาบวัว หรือลาบหมูของชาวอีสาน เพราะชาวเหนือมักจะนำลาบหมูไปผัดให้สุกเสียก่อน
มีสูตร ดังนี้ เครื่องปรุง ใช้หมูเนื้อแดงนำมาสับให้ละเอียด ประมาณ 2 ขีด ไส้ตัน และไส้อ่อนต้ม หั่นบางๆ ประมาณ 1 ขีด ตับและหนังหมูต้ม หั่นเป็นชิ้นบาง ประมาณ 1 ขีด ต้นหอมหั่นละเอียด ประมาณ 2-3 ช้อน กระเทียมเจียว ประมาณ 1-2 ช้อน ผักชีฝรั่งหั่น ประมาณ 1-2 ช้อน ผักไผ่หั่นและผักชีหั่น อย่างละ ประมาณ 1-2 ช้อน
น้ำมันพืช เครื่องแกง พริกแห้งเผา ประมาณ 5-6 เม็ด หอมแดง กระเทียมเผา อย่างละ ประมาณ 5-6 หัว ตะไคร้หั่น และข่าหั่น อย่างละ ประมาณ 1-2 ช้อน มะแขว่น คั่ว ประมาณ 1-2 ช้อน ดีปลีคั่วและตำให้ละเอียด ประมาณ 1 ช้อน ลูกผักชีคั่ว ประมาณ 1 ช้อน เกลือป่น
วิธีการปรุงลาบหมู หรือจิ้นลาบ 1.ตำเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด2. ผสมหมูสับเข้ากับเครื่องแกง พร้อมกับไส้อ่อน ไส้ตันและตับหมู หนังหมู คนให้เข้ากัน เติมน้ำสักครึ่งถ้วย3.ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่กระเทียมเจียวให้หอม และใส่หมูที่ผสมไว้ แล้วลงไปผัดให้สุก เติมเกลือเล็กน้อย4.ใส่ผักไผ่ และผักชีฝรั่งลงไปคนให้ทั่ว ชิมรส5.สุกแล้วตักใส่ภาชนะ โรยด้วยต้นหอม ผักชี คนให้ทั่ว แล้วตักใส่จานนำไปรับประทานได้6. จิ้นลาบควรรับประทานกับต้นหอม ถั่วฝักยาว แตงกวา ใบสะระแหน่ จึงจะอร่อย พร้อมกับข้าวเหนียวนึ่ง
แกงแค แกงแค เป็นอาหารทางภาคเหนือที่นิยมรับประทานกันมากอีกชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ชาวเหนือมักจะใส่ไก่เป็นสำคัญ แกงแคในความหมายนี้ มิใช่แกงใส่ดอกแคอย่างที่เข้าใจกัน
การแกงแคของชาวเหนือมีสูตรการปรุงต่อไปนี้ เครื่องปรุง ใช้เนื้อไก่สับเป็นชิ้นเล็กๆประมาณ1ถ้วย ชะอมหั่นสั้น ประมาณ 1 ถ้วย ผักเผ็ด ( เป็นผักทางภาคเหนือ )ประมาณ2ถ้วย กะเพราขาว และตำลึงตัดเป็นเส้นๆอย่างละ1-2ถ้วย ผักชีฝรั่งหั่นประมาณ1ถ้วย
ผักขี้หูด และใบพริก อย่างละประมาณ1ถ้วย มะเขือเปราะผ่าสี่ส่วนประมาณ4-5ลูก บวบเหลี่ยมหั่นเป็นชิ้นบางประมาณ1-2ลูก ถั่วฝักยาวตัดเป็นชิ้นสั้นๆประมาณ1ถ้วย หน่อไม้หั่นและมะเขือพวง อย่างละประมาณ1ถ้วย ใบชะพูล ( ผักแค ) หั่นเป็นชิ้นเล็กๆประมาณ5-10ใบ น้ำมันพืช
แกงเผ็ดเป็ด เครื่องปรุง กระเทียม 7 หัว หัวหอม 5 หัวข่า 10 แว่น ตะไคร้ 2 ต้น พริกขี้หนู 30 เม็ด กะปิ พริกไท ลูกผักชี ยี่หร่า ทั้งหมดโขลกให้ละเอียด เป็ด 1 ตัวมะพร้าว พริกชี้ฟ้า ใบกระเพรา ใบมะกรูด น้ำปลา
วิธีทำ 1.นำเป็ดไปให้ล้างสะอาดหั่นเป็นชิ้นๆ คั้นกะทิ กะดูน้ำพอควรกับเป็ด2.ตั้งไฟพอกะทิแตกมันยกลง ช้อนหัวกะทิผัดกับน้ำพริกให้หอม3.ใส่เนื้อลงผัดให้สุก เติมน้ำกะทิให้หมด ใส่ใบมะกรูด ฉีก พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง ใบกระเพรา น้ำปลา4.เคี่ยวต่อไปสักครู่จึงยกลง
แกงเผ็ดปลาช่อน เครื่องปรุง หัวหอม 5 หัว กระเทียม 5 หัว พริกแห้งแช่น้ำให้นิ่ม 15 เม็ด ตะไคร้ 2 ต้นข่า 5 แว่นผิวมะกรูด 1 ช้อนกะปิ 1-2 ช้อนชาทั้งหมดนี้โขลกให้ละเอียด ปลาช่อนตัวใหญ่ 1 ตัวมะพร้าว ใบมะกรูด ใบโหระพา พริกชี้ฟ้า น้ำปลา
วิธีทำ 1.ปลาช่อนขอดเกล็ดทำให้สะอาด2.แล่เอาแต่เนื้อหั่นเป็นแว่นๆ 3.มะพร้าวคั้นกะทิดูว่า น้ำกะทิท่วมปลาช่อน 4.เอาหม้อกะทิตั้งไฟ พอแตกมันยกลง ช้อนหัวกะทิใส่กระทะตั้งไฟ 5.ตักน้ำพริกที่โขลกไว้ลงผัดให้สุก 6.ใบมะกรูดฉีก ใบมะกรูดฉีก ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง น้ำปลา ชิมรสตามชอบ ยกลงได้
แกงเผ็ดเนื้อ เครื่องปรุง เนื้อสัน1/2กก. มะพร้าว 1กก. หน่อไม้อ่อนๆ พริกชี้ฟ้าแดง ใบโหระพา น้ำปลา เครื่องน้ำพริกแกงเผ็ดกระเทียม 7หัวหัวหอม7หัว ข่า 7แว่นตะไคร้ 2ต้น พริกขี้หนู 30เม็ด กะปิ พริกไท ลูกผักชี ยี่หร่า โขลกรวมกันให้ละเอียด
วิธีทำ 1.นำเนื้อสันล้างสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นบางยาว2.เอามะพร้าวมาคั้นกะทิ แล้วตั้งไฟพอแตกมันยกลง3.ช้อนหัวกะทิ ใส่กระทะตั้งไฟ4.เอาน้ำพริกที่โขลกไว้ลงผัดจนหอมแล้วนำเนือ้สันลงผัดด้วยจนสุกแล้วตักกลับใส่หม้อกะทิเดิม 5.ใส่หน่อไม้หั่นบางๆ สัก 2 ถ้วย เมื่อแกงเดือด6.แล้วใส่พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเฉียง ใบโหระพา เติมน้ำปลา ชิมรสตามชอบแล้วยกลง
ข้าวมันไก่ ส่วนผสม ไก่ตัวล้างสะอาด 11/2 กิโลกรัม เกลือ 1 ชต.ข้าวสาร 1 กิโลกรัม ข้าวเหนียว 100 กรัม น้ำซุป 6 ถ้วย กระเทียมสับละเอียด 2 ชต.น้ำมัน 1/2 ถ.
ผัก น้ำจิ้ม ซีอิ้วดำชนิดเค็มหรือแมกกี้ 1/4 ถ. ซีอิ้วใส 1/2 ถ.น้ำส้ม 3/4ถ.พริกชี้ฟ้า แดงโขลก 2 ชต.พริกขี้หนูโขลก 1 ชช.ขิงแก่โขลก 1/2 ถ.เต้าเจี้ยวโขลก 1/2 ถ.กระเทียมสดสับ 2 ชต.น้ำตาลทราย 1/4 ถ แตงกวาหั่นตามขวาง 1/2 กิโลกรัม ผักชีโรยหน้านิดหน่อย
วิธีทำ 1. ไก่ทาเกลือพักไว้ 15 นาที แล้วนำไปต้มให้สุก ประมาณ 30 นาที ตักไก่ขึ้น ส่วนน้ำกรองด้วยผ้าขาวบาง ไว้ หุงข้าว 2. ข้าวสารผสมข้าวเหนียวล้างให้สะอาด และสงขึ้นให้ สะด็ดน้ำ 3. เจียวกระเทียมกับน้ำมันให้เหลือง ใส่ข้าวลงผัดแล้วตักใส่หม้อ ใส่น้ำซุป 6 ถ้วย แล้วนำไปนึ่งให้สุกประมาณ 1 ชม.4. ส่วนผสมของน้ำจิ้มทุกอย่างผสมรวมกัน 5. ตักข้าวใส่จาน หั่นไก่วางหน้าข้าว แตงกวาวางข้างๆ ผักชีโรยหน้าไก่ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม และซุปฟัก
ผัดหมี่ ซั่วทรงเครื่องเจ ส่วนผสม หมี่ ซั่ว 1 ถุงเห็ดหอม ( แช่น้ำหั่นเป็นเส้น ) 8-9 ดอก แครอท ( หั่นเป็นเส้น ) 1 หัว ถั่วลันเตากระป๋อง 3 ชต. ซีอิ้วขาว 3 ชต.ซอสปรุงรสภูเขาทองฝาแดง 2 ชต.เต้าหู้เกษตร ( แช่น้ำให้นิ่ม ) 3 ชต.น้ำมันพืช 5 ชต.น้ำมันงา 1 ชต.น้ำซุป 10 ชต.พริกไทยป่น 1/2 ชต.น้ำตาลทราย 2 ชต.
วิธีทำ 1. นำหมี่ซั่วลวกสุก ล้างน้ำใส่ตะกร้าเหยาะน้ำมันพืชให้สะเด็ดน้ำรอผัด 2. นำน้ำมันพืชใส่กระทะผัดกับเห็ดหอมและเต้าหู้เกษตร พอได้กลิ่นหอมดีแล้วปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย น้ำซุป ผัดให้เข้ากันดี 3. เทหมี่ซั่ว ถั่วลันเตาและแครอท เร่งไฟขึ้นเล็กน้อย ผัดจนรวชาติเข้ากันดีแล้วเติมพริกไทยตักใส่จาน นำออกเสิร์ฟ
ผัดมักกะโรนีเจ ส่วนผสม มะกะโรนี ( ต้มสุก ) 300 กรัม เห็ดเข็มทอง ( ตัดโคนออก ) 1 ห่อ พริกตุ้มหวาน ( หั่นเป็นเส้น ) 1 ลูก ขิงแก่สับ 1/2ชต.ซอสพริกศรีราชาเจ 5 ชต.ซอสปรุงรสภูเขาทองฝาเหลือง 3ชต.น้ำมันพืช 5 ชต.น้ำตาลทราย 1 ชต.น้ำสะอาด 5 ชต.พริกไทยป่น 1/2 ชช.
วิธีทำ 1. นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันผัดขิงจนมีกลิ่นหอมใส่พริกหวานและเห็ดเข็มทองปรุงรสด้วย ซอสพริกศรีราชา เจ , ซอส ปรุงรส น้ำตาลทราย น้ำสะอาด และพริกไทยป่น 2. ผัดเบาๆ ตามด้วยเส้นมะกะโรนี แล้วผัดต่อจนรสชาติเข้าเส้นดี ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อม ซอสพริก ( ควรรับประทานขณะยังร้อนอยู่ )
สุกียากี้เจ ส่วนผสม เต้าหู้กระดาน ( หรือเต้าหู้หลอด ) 2 ก้อน หัวบุกเส้นผสมสาหร่าย ( ชิระตากิ ) 1 ถุงซีอิ้วขาว 5 ชต. ซอสปรุงรส 2 ชต.น้ำมันพืช 3 ชต.น้ำมันงา 1 ชต.น้ำตาลทราย 5 ชต.น้ำสะอาด 100 ซีซี แครอท 1/2 หัว ผักกาดขาว 1 หัว ผักตั้งโอ๋ 5/6 ช่อ เห็ดหอม 5 ดอก ซุปก้อนเห็ดหอมเจ 1 ก้อน
วิธีทำ 1. นำกระทะเหล็กสุกียากี้มาจัดผักต่างๆ ชิระตากิและเห็ดหอมแล้วนำขึ้นตั้งไฟกลางใส่น้ำมันพืชและน้ำมันงา 2. พอเดือดขึ้นเล็กน้อยเติมน้ำสะอาดและซุปก้อนปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว และซอสปรุงรส และน้ำตาลทราย 3. รอให้น้ำเดือดอีกครั้งหรี่ไฟต้มต่อจนผักสลดและรสชาติเข้ากันดี ปิด ไฟยกเสิร์ฟ ( ควรรับประทานขณะยังร้อน ) หมายเหตุ ถ้าไม่มีกระทะเหล็กสุกียากี้ สามารถใช้กระทะทรงตื้นก็ได้
สตรอเบอร์รี่เค้ก ส่วนผสม ส่วนผสมสปันจ์เค้ก 1. สตรอว์เบอร์รี่สดผ่าครึ่ง 6 ผล 2. สปันจ์เค้ก 3 ชิ้น 3. ครีมวานิลลา 4. วิปปิ้งครีม 1. ไข่ไก่ 3 ฟอง 2. น้ำตาลทรายขาว 300 กรัม 3. แป้งสาลี 300 กรัม 4. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา วิธีทำ นำส่วนผสมมาเรียงเป็นชั้น โดยเริ่มจากสปันจ์เค้ก ราดด้วยครีมวานิลลา ใส่สตรอว์เบอร์รี่สด ราดด้วยวิปปิ้งครีม แล้วประกบด้วยสปันจ์เค้ก ทำซ้ำอีก 1 ครั้ง จัดใส่จานเสิร์ฟ
วิธีทำสปันจ์เค้ก ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องตี ตีจนเข้ากัน เทลงในถาด นำเข้าเตาอบโดยใช้อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ อบประมาณ 15 นาทีนำสปันจ์เค้กที่อบเสร็จแล้วมาหั่นเป็นชิ้นหนา 1เซนติเมตร
สตรอเบอร์รี่ชาร์ลอต ส่วนผสม 1. สตรอว์เบอร์รี่สดหรือแช่แข็ง 1 กิโลกรัม 2. น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม 3. เจลาติน 10 แผ่น 4. วิปปิ้งครีมปั่นแล้ว 1 ลิตร
วิธีทำ 1. ต้มสตรอว์เบอร์รี่รวมกับน้ำตาลจนเดือด ทิ้งไว้ให้เย็น นำไปปั่นให้เข้ากัน 2. นำเจลาตินแผ่นมาแช่น้ำแข็งที่ผสมน้ำให้นิ่ม นำไปละลายแล้วผสมกับส่วนผสมข้อ 1 3. ตีวิปปิ้งครีมจนขึ้นเป็นก้อน แล้วนำไปผสมกับส่วนผสมข้อ 2 คนให้เข้ากันแล้วตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้
ออร์เรนจ์ทิมเบล ส่วนผสม 1. ส้ม 12 ลูก 2. น้ำตาล 180 กรัม 3. เจลลาติน 18 กรัม 4. เหล้าแกรนมาเนีย 10 มิลลิกรัม 5. บลูเบอรี่ซอส 5 มิลลิลิตร 6. กีวีซอส 5 มิลลิลิตร ลูกเบอรี่สดนิดหน่อย
วิธีทำ 1. นำส้ม 2 ลูกมาคั้นเอาเฉพาะน้ำ ส้มที่เหลือปอกเปลือกหั่นเอาแต่เนื้อ 2. นำน้ำส้มคั้นมาต้มกับน้ำตาลและเหล้าแกรนมาเนีย พอเดือดใส่แผ่นเจลลาตินที่แช่น้ำแล้วลงไป คนให้เข้ากัน 3. เรียงเนื้อส้มลงในพิมพ์ทิมเบล เทน้ำส้มที่ต้มแล้วลงไปพอท่วมเนื้อส้ม นำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 12-15 นาที จากนั้นเรียงส้มลงในพิมพ์ ทำเหมือนเดิมจนกว่าจะเต็มพิมพ์ 4. นำออกจากตู้เย็น แช่พิมพ์ในน้ำอุ่นเพื่อให้ออกง่าย 5. จัดใส่จาน ราดด้วยซอสบลูเบอรี่และซอสกีวี
บรรณานุกรม http://192.168.1.100/kasarin/intranet/School/food/index.html http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/5-4/no46/sweet.html http://www.geocities.com/momzone2002/withrice.html