1 / 26

ชุดโครงการศึกษาพัฒนาการเด็กปฐมวัย ของครอบครัวไทย กรมอนามัย ปีงบประมาณ 2557

ชุดโครงการศึกษาพัฒนาการเด็กปฐมวัย ของครอบครัวไทย กรมอนามัย ปีงบประมาณ 2557. ความสำคัญของปัญหา. เด็กในวัยนี้มีการเจริญเติบโตร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญาเร็วมาก (วีร พงษ์ ฉัต รานนท์ , 2546 ) พัฒนาการเด็กไทยปกติ 70.3% ล่าช้าด้านภาษา กล้ามเนื้อมัดเล็ก

toya
Download Presentation

ชุดโครงการศึกษาพัฒนาการเด็กปฐมวัย ของครอบครัวไทย กรมอนามัย ปีงบประมาณ 2557

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ชุดโครงการศึกษาพัฒนาการเด็กปฐมวัยของครอบครัวไทยกรมอนามัยปีงบประมาณ 2557

  2. ความสำคัญของปัญหา • เด็กในวัยนี้มีการเจริญเติบโตร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญาเร็วมาก (วีรพงษ์ฉัตรานนท์, 2546) • พัฒนาการเด็กไทยปกติ 70.3% ล่าช้าด้านภาษา กล้ามเนื้อมัดเล็ก (สำนักส่งเสริมสุขภาพ, 2554) • พัฒนาการวัยเด็ก เป็นพื้นฐานสำคัญการพัฒนาศักยภาพมนุษย์ในทุกวัย (ประคิณ สุจฉายาและคณะ,2547) • ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการองค์รวมเด็กปฐมวัย การศึกษา รายได้ คุการเลี้ยงดู (ลัดดา เหมาะสุวรรณ, 2546, สุธรรม นันทมงคลและคณะ,2544) • คุณภาพบริการและการเข้าถึงบริการของบุคคล การมีส่วนร่วมของ ชุมชน ท้องถิ่นในการจัดการพัฒนามีผลต่อพัฒนาการเด็ก • การเลี้ยงดูเด็กแบบรักสนับสนุนและใช้เหตุผล เห็นแบบอย่างที่ดี มีความ สัมพันธ์ทางบวกกับจิตลักษณะและพฤติกรรมของคนดีที่เก่งและมีความสุข (ดุจเดือน พันธุมาวิน,2552)

  3. วัตถุประสงค์ 1.ศึกษาศึกษาสถานการณ์พัฒนาการเด็กปฐมวัยในปัจจุบันและการ พยากรณ์ผลกระทบในอนาคต 2. ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย 3. ศึกษาความคิด ทัศนคติ ความคาดหวังและพฤติกรรมต่อ การเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยของครอบครัวไทย 4. ศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชน ท้องถิ่นต่อพัฒนาการเด็ก 5. ศึกษาคุณภาพบริการอนามัยแม่และเด็กของสถานบริการฯที่มีต่อ ผลลัพธ์สุขภาพเด็ก

  4. ขอบเขตการวิจัย ประชากรในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ บิดา หรือ มารดา หรือผู้เลี้ยงดูเด็ก อย่างน้อย 6 เดือนอย่างต่อเนื่อง และเด็กปฐมวัยศึกษาเด็กตามข้อแนะนำราชวิทยาลัยกุมาร กลุ่ม 1 อายุ 9 เดือน – 12 เดือน กลุ่ม 2 อายุ 18 เดือน – 24 เดือน กลุ่ม 3 อายุ 30 เดือน – 36 เดือน กลุ่ม 4 อายุ 42 เดือน – 48 เดือน

  5. กรอบแนวคิดการศึกษา ปัจจัยทางประชากร ทางชีวภาพ ของมารดาและเด็ก และสิ่งแวดล้อม ความคิด ทัศนคติ ความคาดหวังและพฤติกรรมการเลี้ยงดูเด็กของครอบครัว พัฒนาการเด็กปฐมวัย - สมวัย - สงลัยล่าช้า การมีส่วนร่วมของ ชุมชน ท้องถิ่น คุณภาพบริการของสถานบริการและการเข้าถึงบริการ ผลกระทบที่คาดหมาย Cost Benefits Long term affects

  6. กรอบแนวคิดในการศึกษาวัตถุประสงค์ข้อ 1 ปัจจัยด้านชีวภาพ ธาลัสซีเมีย เอดส์ ธัยรอยด์ นน.แม่ นน.ทารกแรกเกิดBA คลอดก่อนกำหนด ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม - รายได้,การศึกษา,อาชีพของผู้เลี้ยงดู - การปฏิบัติตัวและสุขภาพมารดา - สุขภาพเด็ก ภาวะโภชนาการเจ็บป่วย - การเข้าถึงบริการ และคุณภาพบริการฯ ปัจจัยด้านจิตวิทยา - ความรู้ ความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ - อารมณ์ ความวิตกกังวลช่วงตั้งครรภ์ - สัมพันธภาพในครอบครัว - การเลี้ยงดูเด็ก พัฒนาการ -สมวัย -ล่าช้า

  7. รูปแบบการศึกษา การศึกษาเชิงปริมาณ: วัตถุประสงค์ข้อ 1,2 การศึกษาเชิงคุณภาพ : วัตถุประสงค์ข้อ 3,4 ,5

  8. ประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากรและกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างการศึกษาเชิงปริมาณ ประชากรตัวอย่าง 1.1 ผู้เลี้ยงดูเด็ก ได้แก่ พ่อ หรือแม่ หรือผู้เลี้ยงดูเด็ก อย่างน้อย 6 เดือน อย่างต่อเนื่อง 1.2 เด็กปฐมวัยอายุแรกเกิด – 5 ปี ในพื้นที่เป้าหมาย กลุ่ม 1 อายุ 9 เดือน – 12 เดือนเต็ม กลุ่ม 2 อายุ 18 เดือน – 24 เดือนเต็ม กลุ่ม 3 อายุ 30 เดือน – 36 เดือนเต็ม กลุ่ม 4 อายุ 42 เดือน – 48 เดือนเต็ม

  9. 2. ขนาดตัวอย่างใช้สูตรดังนี้ N = จำนวนเด็ก 0-5 ปี การสำมะโนประชากรปี 2553 (4,548,245) กำหนดขนาดตัวอย่างที่ระดับความเชื่อมั่น 95% (k = 1.96) ความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ไม่เกิน 10%(E’≤0.10) P = 0.5/Q = 1-P n = 10,400

  10. การสุ่มตัวอย่าง การสุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นแบบ Stratified Three-stage Sampling โดยมีกรุงเทพมหานคร/เขตบริการสุขภาพเป็นชั้นภูมิ และมีจังหวัดในแต่ละเขตบริการสุขภาพ/เขตในกรุงเทพมหานคร เป็นหน่วยตัวอย่างขั้นที่หนึ่ง เขตแจงนับ (EnumerationArea : EA) เป็นหน่วยตัวอย่างขั้นที่สอง และเด็กอายุ 0-5 ปี เป็นหน่วยตัวอย่างขั้นที่สาม กลุ่ม 1 อายุ 9 เดือน –12 เดือนเต็ม จำนวน 5 ราย ต่อ EA กลุ่ม 2 อายุ 18 เดือน –24 เดือน จำนวน 5 ราย ต่อ EA กลุ่ม 3 อายุ 30 เดือน –36 เดือน จำนวน 5 ราย ต่อ EA กลุ่ม 4 อายุ 42 เดือน – 48 เดือน จำนวน 5 ราย ต่อ EA

  11. กลุ่มตัวอย่างการศึกษาเชิงคุณภาพกลุ่มตัวอย่างการศึกษาเชิงคุณภาพ สุ่มอย่างง่าย โดยจับฉลากครอบครัวที่มีลูกใน 4 กลุ่มวัย กลุ่มที่ 1 จำนวน 4 คน จากครอบครัวขยายเด็กที่พัฒนาการสมวัย 2 คน และล่าช้า 2 คน/เขต จากครอบครัวเดี่ยว เด็กที่พัฒนาการสมวัย 2 คน และล่าช้า 2 คน/เขต กลุ่มที่ จำนวน 4 คน จากครอบครัวขยายเด็กที่พัฒนาการสมวัย 2 คน และล่าช้า 2 คน/เขต จากครอบครัวเดี่ยว เด็กที่พัฒนาการสมวัย 2 คน และล่าช้า 2 คน/เขต กลุ่มที่ 3 จำนวน 4 คน จากครอบครัวขยายเด็กที่พัฒนาการสมวัย 2 คน และล่าช้า 2 คน/เขต จากครอบครัวเดี่ยว เด็กที่พัฒนาการสมวัย 2 คน และล่าช้า 2 คน/เขต กลุ่มที่ 4 จำนวน 4 คน จากครอบครัวขยายเด็กที่พัฒนาการสมวัย 2 คน และล่าช้า 2 คน/เขต จากครอบครัวเดี่ยว เด็กที่พัฒนาการสมวัย 2 คน และล่าช้า 2 คน/เขต

  12. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา วัตถุประสงค์ 1,2 • แบบสัมภาษณ์ พ่อ แม่ หรือผู้เลี้ยงเด็ก • สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก กราฟประเมินการเจริญเติบโต • น้ำหนักตามเกณฑ์อายุ น้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูง • (เกณฑ์อ้างอิงการเจริญเติบโต กองโภชนาการ กรมอนามัย, 2543) • แบบทดสอบพัฒนาการเด็กปฐมวัย Denver llซึ่งประเมิน 4 ด้าน ได้แก่ • ด้านสังคมและการช่วยตนเอง • ด้านการใช้กล้ามเนื้อหมัดเล็กและปรับตัว • ด้านภาษา • ด้านกล้ามเนื้อหมัดใหญ่

  13. การวิเคราะห์ข้อมูล ข้อมูลเชิงปริมาณใช้การวิเคราะห์ข้อมูลโดยเทคนิค ใช้ตารางไขว้(Cross Tabulation) เพื่ออธิบายลักษณะทางประชากร ความรู้ ทัศนคติ ด้วยสถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ(Percentage) ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัย ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการเด็กปฐมวัย เพื่อค้นหาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการเด็ก โดยใช้วิธีวิเคราะห์การถดถอยทวิคูณ(Binary Logistic Regression) ข้อมูลเชิงคุณภาพ การวิเคราะห์เนื้อหา

  14. วิธีดำเนินงาน/ระยะเวลาวิธีดำเนินงาน/ระยะเวลา จัดทำแบบสัมภาษณ์ พร้อมนำไปทดสอบเครื่องมือ (ตุลาคม - ธันวาคม 2556) จัดทำหนังสือขอความร่วมมือ อำนวยความสะดวกในการเก็บ ข้อมูลจากโรงพยาบาลเป้าหมาย (มกราคม 2557) อบรมเชิงปฏิบัติการ “ชี้แจงรายละเอียดการศึกษาและการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ” แก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ (8-10 มกราคม 2557) ดำเนินการเก็บข้อมูลภาคสนามในพื้นที่เป้าหมาย ใช้เวลา 7-10 วันต่อจังหวัด (มกราคม – พฤษภาคม 2557) นำมาวิเคราะห์และประมวลผล(พฤษภาคม – กรกฎาคม 2557) เขียนรายงานการศึกษาวิจัย (สิงหาคม – กันยายน 2557)

  15. ประโยชน์ที่จะได้รับ พยากรณ์แนวโนม้พัฒนาการเด็กและผลกระทบด้านสังคม เศรษฐกิจ การศึกษาต่อสังคมไทย รูปแบบ มาตรการการส่งเสริมพัฒนาการ เด็กปฐมวัยของครอบครัวไทย ข้อเสนอเชิงนโยบายและยุทธศาสตร์ การขับเคลื่อนเพื่อการพัฒนาการ เด็กปฐมวัยไทย

  16. เด็กปฐมวัย หมายถึงเด็กที่มีอายุ แรกเกิด - ต่ำกว่า 6 ปี พัฒนาการ หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่ของร่างกาย (Ruction maturation) ตามอายุ ตลอดจนพฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงถึงความก้าวหน้าตามลำดับ ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ด้านภาษา ด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก ด้านสังคมและการช่วยเหลือตัวเอง พัฒนาการสมวัย (ปกติ)หมายถึงเด็กสามารถผ่าน ข้อทดสอบตามแบบประเมินพัฒนาการเด็กทุกข้อ พัฒนาการสงสัยล่าช้าหมายถึงเด็กไม่ผ่านข้อทดสอบตามแบบประเมินพัฒนาการเด็กตั้งแต่ 1 ข้อ เป็นต้นไป

  17. ครอบครัว หมายถึงกลุ่มของบุคคลที่มาอยู่ร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันและมีกิจกรรมร่วมกัน เช่น กิจกรรมทำงานบ้าน กิจกรรมการเลี้ยงดูเด็กเป็นต้น ผู้เลี้ยงดูเด็ก หมายถึง พ่อ หรือแม่ หรือคู่สามีคนใหม่ หรือปู่ ย่า ตา ยาย ญาติ หรือ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเด็กของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งดูแลเด็กเป็นประจำอย่างน้อย 6 เดือน การอบรมเลี้ยงดูเด็ก หมายถึงวิธีการ กิจกรรม การแสดงออกของผู้เลี้ยงดูเด็ก ซึ่งปฏิบัติต่อเด็กประจำ ได้แก่ การอบรมสั่งสอน การเล่านิทาน การร้องเพลงกล่อมเด็ก การเล่นกับเด็ก การฝึกทักษะเด็กต่างๆ เพื่ออยู่ในสังคม

  18. การตรวจเอกสาร • ทฤษฎีเกี่ยวกับการเจริญเติบโต พัฒนาการ และการเรียนรู้ของเด็ก 1.1 ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจท์ • ทฤษฎี Psychosocial developmental stage ของแอริค แอริคสัน • งานวิจัยภายในและต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้อง กับการพัฒนาการเด็กปฐมวัยและการเลี้ยงดู

  19. ทฤษฎีพัฒนาการทางความคิด ของจีน เพียเจท์ (JeanPiaget)เชื่อว่า “จุดศูนย์การของความฉลาด คือความสามารถในการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม (Reflex) ระบบประสาทสัมผัส (sensory) และการเคลื่อนไหว (motor) ในระยะแรกของชีวิตเด็กจะใช้ศักยภาพทางชีวภาพเป็นสื่อ ในการเรียนรู้และพัฒนาความคิดเกี่ยวกับโลกและบุคคล ในช่วงวัยต่อๆมา เด็กจะใช้ความสามารถดังกล่าวในการพัฒนาความคิดอย่างซับซ้อน และเป็นขั้นตอนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ” ที่มา : ศรีเรือน แก้วกังวาน (2545). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัย. พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 54.

  20. ทฤษฎี Psychosocial developmental stage แอริค แอริคสัน (Erik Erikson. 1902) แนวคิด : ลักษณะสัมพันธภาพที่บุคคลมีกับกลุ่มต่างๆ เช่น พ่อ แม่ เพื่อน สามี ภรรยา และข้อขัดแย้งทางสังคมจิตวิทยา (Psychosocial crises) ที่เกิดจากความสัมพันธ์นั้นๆ เป็นจุดกระตุ้น หล่อหลอมให้บุคคลมีพฤติกรรมและพัฒนาบุคลิกภาพ ในรูปแบบต่างๆ ตามลำดับวัย ตั้งแต่เกิดจนวัยสูงอายุ อย่างเป็นขั้นตอน

  21. ขั้นตอนที่ 1 ความไว้วางใจแย้งกับความสงสัยน้ำใจผู้อื่น (trust vs. mistrust) ช่วงแรกเกิดถึง 18 เดือน สร้างให้เด็กมีความมั่นใจ มีคุณค่า ก่อเกิดความไว้วางใจผู้อื่น หากเด็กได้รับการตอบสนอง ไม่ผ่านช่วงนี้ เด็กต่อต้าน ขี้ระแวง อารมณ์รุนแรง

  22. ขั้นตอนที่ 2 ความเป็นตัวของตัวเองขัดแย้งกับความละอายใจและไม่แน่ใจ (autonomy vs. shame and doubt)(18 เดือน - 3 ปี) ต้องการความเป็นอิสระ สร้างวินัย การรอคอยเหตุและผล เด็กได้รับการตอบสนอง ไม่ผ่านช่วงนี้ ย้ำคิดย้ำทำ ต่อต้านสังคม ลึกลับ ไม่ยอมเคารพกฎระเบียบของสังคม

  23. ขั้นตอนที่ 3 ความคิดริเริ่มแย้งกับความรู้สึกผิด (initiative vs. guilt) (อายุ 3-6 ปี) อยากรู้ อยากเห็น อยากลอง รู้จักใช้ความคิดฝัน และมีความคิดสร้างสรรค์ ซุกซน หากพัฒนาไม่พ้นวัยนี้ เด็กจะเกิดความรู้สึกผิดและกลัวการถูกลงโทษ จนอาจพัฒนาบุคลิกภาพแบบ “รู้สึกผิด” (guilt personality) หรือเป็นคนชอบหลีกหนีความจริงโดยใช้ความคิดฝัน หรืออาจชอบแสดงความก้าวร้าว อวดดีเพื่อให้ได้ สิ่งที่ตนปรารถนา

  24. ตัวอย่างงานวิจัย ศิริกุล อิศรานุรักษ์ และคณะ (2544) ที่ชี้ให้เห็นว่าการศึกษาของมารดา รายได้ครอบครัว ภาวะวิกฤต ในครอบครัว และการอบรมเลี้ยงดูของบิดามารดา มีความสัมพันธ์กับพัฒนาการเด็กอายุ 3 - <6 ปี Isaranurug S et al. (2005) พบว่าระดับการศึกษาของบิดาและการมีสิ่งแวดล้อมที่บ้าน รวมทั้งการอบรมเลี้ยงดูของครอบครัวเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของเด็ก

  25. ศิริกุล อิศรานุรักษ์ และปราณี สุทธิสุคนธ์ (2550) พบว่า การอบรมเลี้ยงดูที่เน้นในการให้ความรัก ความอบอุ่น ยอมรับความคิดเห็นของเด็ก ใช้เหตุผลในการอบรมสั่งสอน มีความ สม่ำเสมอในบทบาทของการให้รางวัลและการลงโทษจะมีผลเชิงบวกต่อพัฒนาการเด็ก Nanthamongkolchai S et al (2007) รูปแบบการอบรมเลี้ยงดูมีอิทธิพลต่อพัฒนาการเด็กอายุ 3 - 6 ปี โดยเด็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบผสมมีโอกาสที่จะมีพัฒนาการล่าช้ากว่าวัยเป็น 1.9 เท่าของเด็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย

  26. ปัญหาการวิจัย สถานการณ์พัฒนาการเด็กปฐมวัยในปัจจุบันเป็นอย่างไร พฤติกรรมการด้านอนามัยแม่และเด็กของมารดาไทยเป็นอย่างไรในปัจจุบัน ปัจจัยอะไรที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาเด็กปฐมวัยไทย ผลของการเลี้ยงดูของครอบครัวต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทยอย่างไร

More Related