1.38k likes | 3.15k Views
QFD + FMEA + Error Proofing. ในการออกแบบนั้น เรามีเครื่องมืออยู่หลายตัวด้วยกัน แต่ที่มักนำมาใช้ คือ QFD (Quality Function Deployment) ออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า FMEA (Failure Mode and Effects Analysis) ป้องกันปัญหาก่อนลงมือผลิต Error Proofing ป้องกันปัญหาระหว่างการผลิต
E N D
QFD + FMEA + Error Proofing • ในการออกแบบนั้น เรามีเครื่องมืออยู่หลายตัวด้วยกัน แต่ที่มักนำมาใช้ คือ • QFD (Quality Function Deployment) ออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า • FMEA (Failure Mode and Effects Analysis) ป้องกันปัญหาก่อนลงมือผลิต • Error Proofing ป้องกันปัญหาระหว่างการผลิต • เราจะมาดูคร่าว ๆ ว่าแต่ละตัวคืออะไร Sanmin-SCI Systems Thailand
Hin Shitsu Ki NO Ten Kai (Quality) (Function) (Deployment) Quality Function Deployment (QFD) Sanmin-SCI Systems Thailand
ผู้นำ QFD มาใช้ • Dr. Mizuno ศาสตราจารย์เกียรติคุณแห่ง Tokyo Institute of Technology เป็นผู้นำระบบ QFD มาใช้ โดยเริ่มที่ Mitsubishi, Heavy Industries, Ltd. QFD จะช่วยแปลความต้อง การของลูกค้า (ซึ่งอยู่ในเชิงคำพูด)ให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลทางวิศวกรรมส่งผลให้เราสามารถแปลความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ทำให้สินค้าที่ได้ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า Sanmin-SCI Systems Thailand
ดังนั้น QFD คือ …… • กล่าวโดยกว้าง ๆ QFD คือ การฟังเสียงลูกค้าว่า ต้องการอะไร ( Hearing the customer voice ) นั่นหมายความว่า มันใช้แปล ความต้องการ (Needs) ความอยากได้ (Wants) และ ความคาดหวัง (Expectations) ของลูกค้าให้อยู่ในกลุ่มของสิ่งที่ต้องออกแบบ (set of design) และความต้องการจากการผลิต (manufacturing requirements) • QFD เป็นกระบวนการเชิงระบบ(systematic process) สำหรับ motivating business เพื่อ focus ตรงไปยังความต้องการของลูกค้า • QFD ช่วยในการออกแบบสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด ใช้เวลาการออกแบบน้อยกว่าปกติ และ ใช้ต้นทุนน้อยกว่า • QFD ใช้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการแก้ไข (reactive)มาเป็นการควบคุม คุณภาพในเชิงป้องกัน(preventative manufacturing quality control) Sanmin-SCI Systems Thailand
Comparison between QFD and traditional way เหนื่อยช่วงแรก สบายไปตลอด สบายช่วงแรก ตายตอนจบเพราะปัญหาเยอะ Sanmin-SCI Systems Thailand
ก่อนและหลังทำ QFD ของ TOYOTA • โตโยต้าได้พบว่า ก่อนทำ QFDนั้น หลังจากผลิตภัณฑ์ถูกผลิตออกสู่ตลาด มีเสียงร้องบ่นเข้าอย่างมากมาย • หลังจากทำเทคนิค QFD มาใช้ พบว่า หลังจากผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดแล้ว เสียงร้องบ่นลดลงแสดงว่า QFD สามารถใช้แก้ปัญหาอันอาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ Sanmin-SCI Systems Thailand
ประโยชน์ของ QFD สามารถสรุปได้ดังนี้ • 1 ) เป็นพลังขับดันจากลูกค้า ( Customer driven ) • โฟกัสตรงไปยังสิ่งที่ลูกค้าต้องการ • เป็นการใช้ข้อมูลที่ได้ไปในการแข่งขันอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ • เป็นการจัดลำดับความสำคัญของทรัพยากรที่มี • ช่วยจัดโครงสร้างของข้อมูล หรือ ประสบการณ์ที่มีอยู่ • 2 ) ช่วยลดเวลาดำเนินการลง (Reduces implementation times) • ช่วยลดการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในช่วงกึ่งกลางของการออกแบบ • ช่วยลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง • ช่วยลดปัญหาที่จะต้องออกแบบซ้ำ ๆ ไม่จบสิ้นในภายหลัง • ช่วยลดการตั้งข้อสมมติฐานอย่างผิวเผิน Sanmin-SCI Systems Thailand
3 ) สนับสนุนการทำงานร่วมกัน (Promotes teamwork) • เน้นการร่วมมือกันทำงานระหว่างหลาย ๆ แผนก • พัฒนาการสื่อสารภายในองค์กร • ช่วยแยกแยะกระบวนการที่เกิดขึ้นในการร่วมมือกัน • ช่วยสร้างรายละเอียดของภาพพจน์ในวงกว้าง • 4 ) ง่ายต่อการทำเอกสาร • ช่วยให้จัดทำเอกสารสำหรับออกแบบได้ง่าย • ง่ายต่อการตรวจสอบเมื่อออกแบบเสร็จสิ้น • ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเก็บอย่างเป็นระบบทำให้ง่ายต่อการค้าหา และทำ ความเข้าใจ • สะดวกในการเปลี่ยนแปลง • สะดวกต่อการวิเคราะห์ส่วนที่ผิดพลาดได้ง่าย Sanmin-SCI Systems Thailand
โครงสร้างของ House of Quality • โดยพื้นฐานแล้วจะเหมือนกับบ้านมี • กำแพงด้ายซ้ายใช้แทนความต้องการของลูกค้า • กำแพงด้านขวาใช้แทนลำดับความสำคัญของ ความต้องการของลูกค้า • เพดานห้องใช้แทนรายละเอียดเชิงเทคนิค • หลังคาบ้านใช้แทนความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างรายละเอียดเชิงเทคนิค • พื้นห้องใช้แทนการจัดลำดับความสำคัญเชิง เทคนิค Sanmin-SCI Systems Thailand
ความสัมพันธ์ของแต่ละส่วนความสัมพันธ์ของแต่ละส่วน Sanmin-SCI Systems Thailand
ตัวอย่างของแมตตริก ของบ้านแห่งคุณภาพ แบบพื้นฐาน Sanmin-SCI Systems Thailand
เริ่มจากผนังบ้านด้านซ้าย (What does the customer want?) • ปัจจัยป้อนเข้าก็คือข้อมูลที่เป็น Voice of Customer • Voice of Customer ก็คือ ความต้องการของลูกค้าในเชิงคำพูด ความคิด จินตนาการ ข้อมูลจะอยู่ในเชิงบอกเล่า ความคิดเห็น • การรับฟัง (การเก็บข้อมูล) จะต้องมั่นใจว่า ข้อมูลที่ได้ถูกต้อง ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ลูกค้าควรกำหนดคุณภาพที่ต้องการด้วยภาษาของเขาเอง • การกำหนด voiceof customer ถือเป็นขึ้นตอนที่กินเวลามากที่สุดในการทำ QFD • ในขั้นตอนนี้บางแห่งจะกำหนดว่าเป็น Phase 0 เป็นเฟสที่ทำการรวบรวมข้อมูล เพื่อเข้าใจแนวความคิดหรือ Concept ของลูกค้า Sanmin-SCI Systems Thailand
การเปลี่ยนจาก VOC to What • Voice of Customer สามารถหาข้อมูลได้หลายทางด้วยกัน เช่น • การพูดคุย • การใช้แบบสอบถาม • การร้องบ่น • ฯลฯ • VOC มักจะเป็นคำพูด ข้อความ ความรู้สึก ดังนั้นเมื่อได้ข้อมูลแล้ว สิ่งที่จะทำต่อไปคือ จับกลุ่มข้อมูลโดยใช้ Affinity diagram หรือ ผังเชื่อมโยง Sanmin-SCI Systems Thailand
VOC What Affinity Diagram จาก VOC มาสู่ Affinity Diagram เพื่อให้ได้ What Sanmin-SCI Systems Thailand
ตัวอย่าง • สมมติว่า เราต้องการทราบขอบเขตของปัญหาในการผลิตชุดสวมใส่เพื่อปีนเขา จึงได้ตั้งกลุ่มขึ้นมา และออกสอบถามกับนักปีนเขาจำนวนหนึ่ง เกี่ยวกับความต้องการของชุดสวมใส่เพื่อปีนเขาที่ดีหลังจากพบปะพูดคุยแล้ว เราได้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ว่า ชุดสวมใส่เพื่อปีนเขาที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้ • น้ำหนักเบา (lightweight) • สวมใส่สบาย (comfortable) • สวยงามน่าใช้ (attractive) • ปลอดภัย (safe) • ไม่ขัดขวางการเคลื่อนไหว (does not restrict movement) • เหมาะกับเสื้อผ้าหลาย ๆ แบบ (fits over different clothes) • มีห่วงร้อย (has accessible gear loops) Sanmin-SCI Systems Thailand
Rock Climbing Harness Sanmin-SCI Systems Thailand
จับ VOCมาทำเป็นบัตรข้อมูลของ Affinity Diagram • lightweight • comfortable • attractive • safe • does not restrict movement • fits over different clothes • has accessible gear loops เขียนสิ่งที่ลูกค้าต้องการในแต่ละเรื่องลงในบัตรคำ แล้ววางลงบนโต๊ะเพื่อทุกคนจะได้มองเห็น Sanmin-SCI Systems Thailand
กำหนดหัวข้อใหญ่เป็น Facilitates Climbing ทำ Affinity Statement ทำการจัดกลุ่มบัตรคำให้เป็นหมวดหมู่ แล้วตั้งชื่อของหมวดหมู่นั้น ๆ ขึ้นมา Sanmin-SCI Systems Thailand
จาก Affinity มาสู่ Tree Diagrams Sanmin-SCI Systems Thailand
แปลงเป็น Tree Diagram จัดทำเป็นตาราง Sanmin-SCI Systems Thailand
ส่วนแรกเสร็จแล้ว • ข้อมูลที่ได้จากรูปที่ผ่านมาจะถูกกรอกลงไปในตาราง ของ Blank QFD ในส่วนของ Customer Requirement Sanmin-SCI Systems Thailand
จัดทำคะแนนแสดงลำดับความสำคัญจัดทำคะแนนแสดงลำดับความสำคัญ • หลังจากเรารู้ถึงความต้องการของลูกค้าแล้ว ก็ควรจะรู้ต่อไปว่า ความต้องการของลูกค้าข้อใด มีความสำคัญมากน้อยเท่าใด • ทำได้โดย นำหัวข้อด้ายซ้ายมาจัดทำคะแนน เพื่อแสดงถึงลำดับความสำคัญต่อ ลูกค้า • โดยกำหนดให้ • 5 = สำคัญมาก (very importance) • 1 = ไม่สำคัญเลย (unimportance) • ให้ลูกค้าเป็นผู้กำหนดนะครับ Sanmin-SCI Systems Thailand
คะแนนที่ได้มาจากการพูดคุยกับลูกค้าคะแนนที่ได้มาจากการพูดคุยกับลูกค้า Sanmin-SCI Systems Thailand
ต่อไปก็กำแพงบ้านด้านขวาต่อไปก็กำแพงบ้านด้านขวา • กำแพงบ้านด้านขวา จะเป็น Prioritized customer requirement • โดยหลักแล้วจะใช้เปรียบ ระดับความพึงพอใจใน แต่ละหัวข้อที่ได้จากกำ แพงบ้านด้านซ้าย โดย เทียบกับคู่แข่ง Sanmin-SCI Systems Thailand
เราจะเทียบผลิตภัณฑ์ของเรากับคู่แข่ง A และ B • เมื่อเรามี Spec. ของเราคร่าว ๆ (อาจมาจากผลิตภัณฑ์ที่เราเคย ทำมาแล้ว) เราก็เอา Spec. ของ เราเทียบกับคู่แข่งแต่ละหัวข้อ ที่ลูกค้าต้องการ เช่น เริ่มจาก ไม่กีดขวางการเคลื่อนไหว (does not restrict movement) • โดยกำหนดคะแนนเป็น • 5 = ลูกค้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก • 1 = ลูกค้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก Sanmin-SCI Systems Thailand
คู่แข่งกับเรา ต้องเทียบกันหน่อย เมื่อได้คะแนนแล้วก็ใส่ลงไปในตารางของ QFD Sanmin-SCI Systems Thailand
Planned Rating • การให้ความสำคัญในการวางแผน เพื่อทำการปรับปรุง (เมื่อเปรียบ เทียบระหว่างเรา คู่แข่ง ในมุมมองของความสำคัญต่อลูกค้า) ก็ต้องกำหนดลำดับ ความสำคัญออกมา เช่นกัน • ตามตัวอย่าง หัวข้อไม่กีดขวางต่อการเคลื่อนไหว แม้ว่าเรากับคู่แข่งไม่ต่างกันมากก็ตาม แต่เมื่อเทียบ ถึงความสำคัญที่ลูกค้าต้องการแล้ว จะต้องปรับปรุงโดยด่วน คะแนนจึงเท่ากับ 5 Sanmin-SCI Systems Thailand
Importance Factor • การคำนวณเพื่อให้ weight จะใช้รูปแบบใด ก็ได้แล้วแต่ตกลงกัน เช่น • Improvement Factor = {(Plan Rating -Our product) * 0.2} + 1 Sanmin-SCI Systems Thailand
Sale Point มาจากทีมกำหนดในช่วง 1.0-1.5 • ต่อมาก็มามองในเชิงการตลาด สิ่งใดถือว่าเป็นจุดขายหลัก (major) ก็ให้คะแนนสูง เช่น 1.4 ส่วน ส่วนใดเป็นจุดขายรอง (minor) ก็ให้คะแนนกลาง ๆ เช่น 1.1 – 1.2 ส่วนใดที่ไม่เน้นก็ให้ 1.0 Sanmin-SCI Systems Thailand
Overall Weighting • ได้จาก Importance * Improvement * Sales point • แล้วแต่ตกลงกัน ในทีม ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว Sanmin-SCI Systems Thailand
ผนังบ้านด้านขวา (Planning Matrix)ครบแล้ว • เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วก็กรอกลง ไปในตาราง QFD ดัง ตัวอย่างซ้ายมือ • การคิด Percentage of total ได้จากรวมทั้ง Column ของ Overall weighting (=38) แล้วคิดเป็น 100% จากนั้นนำ Overall rating แต่ละช่องมาทำการหาค่าเปอร์เซ็นต์ เช่น (2.6/38)*100 = 7 %) Sanmin-SCI Systems Thailand
เพดานบ้าน • เพดานบ้านแสดงถึงรายละ เอียดทางเทคนิค ที่สัมพันธ์ กับความต้องการของลูกค้า Sanmin-SCI Systems Thailand
คราวนี้เราจะพูดในเชิงเทคนิคคราวนี้เราจะพูดในเชิงเทคนิค • เราแยกออกเป็นสามส่วนหลัก คือ • 1) Performance Measures • Meet standards • Harness weight • Webbing strength • 2) Size of range • No. of colors • No. of sizes • 3) Technical details • Padding thickness • No. of buckles • No. of gear loops Sanmin-SCI Systems Thailand
รายละเอียดเชิงเทคนิค Sanmin-SCI Systems Thailand
หาความสัมพันธ์ในเชิงเทคนิคในลักษณะของ Direction of improvement • ในอนาคตควรพัฒนา ให้มีขนาดหลายขนาดมากขึ้น มีหลายสีมากขึ้น เป็นต้นก็จะแสดงด้วยลูกศรชี้ขึ้น สิ่งใดที่ควรพัฒนาให้ลดลงก็จะใช้ ลูกศรชี้ลงส่วนข้อใดที่พอใจแล้วให้เว้นว่างไว้ Sanmin-SCI Systems Thailand
ตัวบ้าน • ตัวบ้านแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างความต้องการของ ลูกค้า กับ รายละเอียดเชิงเทคนิค Sanmin-SCI Systems Thailand
กำหนดคะแนน • กำหนดคะแนน และ สัญลักษณ์ เช่น • แดง = 9 คะแนน • ฟ้า = 3 คะแนน • เขียว = 1 คะแนน Sanmin-SCI Systems Thailand
ทีมให้คะแนน • ดูความสัมพันธ์กันระหว่างสิ่งที่ลูกค้าต้องการกับเทคนิคที่นำมาใช้ เช่น น้ำหนักเบากับความแข็ง จะมีความสัมพันธ์กันมาก ตัวอย่างได้แก่ เพื่อให้น้ำหนักเบา ถ้าเราเลือกใช้อลูมิเนียม มันก็จะไม่แข็ง ถ้าเปลี่ยนมาใช้เหล็กมันแข็งจริง แต่น้ำหนักจะมาก ดังนั้น อาจเลือกใช้ไททาเนียม เพื่อแก้ปัญหานี้ Sanmin-SCI Systems Thailand
ใส่ลงไปในตาราง Sanmin-SCI Systems Thailand
หลังคาบ้าน • ในส่วนของหลังคาบ้าน เราจะดูความสัมพันธ์กัน หรือ ไม่สัมพันธ์กันของ เทคนิคที่ เรานำมาใช้ Sanmin-SCI Systems Thailand
ต่อไปดูว่า เทคนิคอันใดเสริมกัน/ขัดกัน • ความเหนียวของผ้า (Webbing strength) จะสัมพันธ์กับกับมาตรฐาน (Meet standard) Sanmin-SCI Systems Thailand
กรอกลงไปในตารางเช่นเดียวกันกรอกลงไปในตารางเช่นเดียวกัน Sanmin-SCI Systems Thailand
พื้นบ้าน • พื้นบ้าน เราจะใช้ให้คะแนน ทางด้านเชิงเทคนิค และ ทำการ เปรียบเทียบเทคนิคของเรากับ คู่แข่ง Sanmin-SCI Systems Thailand
ต่อไปก็เป็นการให้คะแนนในเชิงเทคนิคต่อไปก็เป็นการให้คะแนนในเชิงเทคนิค เริ่มจาก Technical Priority ใช้ 36.6 = (1x3.0)+(3x11.2)+(0) Sanmin-SCI Systems Thailand
ต่อไปทำการเปรียบเทียบเชิงเทคนิคกับคู่แข่งต่อไปทำการเปรียบเทียบเชิงเทคนิคกับคู่แข่ง ถ้าทำตามที่ตั้งไว้นี้ แพ้เขาตั้งแต่ยังไม่ผลิตเลย ถ้าอยากชนะต้องแก้ไข Sanmin-SCI Systems Thailand
สรุปว่า เป้าหมายเป็นอย่างไร ? หลังจากปรับ Spec. พอสู้เขาได้ Sanmin-SCI Systems Thailand
ซ้ำอีกที เพื่อความเข้าใจ Sanmin-SCI Systems Thailand
ทำไปจาก Stage 1 … 2 … 3….4 Sanmin-SCI Systems Thailand