1 / 20

S.N.P. GROUP OF COMPANIES

S.N.P. NEWS. ข่าวสารฉบับที่ 147. S.N.P. GROUP OF COMPANIES. CLICK HERE. Free. www.snp.co.th Tel.0-2333-1199 ( 12 Line ). 1. CEO Articles. 2. Global News. Supply & Demand. 3. เที่ยวรอบโลก. 4. All about Logistics. 5. SNP Philosophy. 6. NEW PROMOTION.

darrin
Download Presentation

S.N.P. GROUP OF COMPANIES

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. S.N.P. NEWS ข่าวสารฉบับที่ 147 S.N.P. GROUP OF COMPANIES CLICK HERE Free

  2. www.snp.co.thTel.0-2333-1199 ( 12 Line ) 1 CEO Articles 2 Global News Supply & Demand 3 เที่ยวรอบโลก 4 All about Logistics 5 SNP Philosophy 6 NEW PROMOTION Logistics Specialist and International Freight Forwarder

  3. CEO Articles การพัฒนาคน ทุกครั้งที่ผมได้ข่าวการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่นข่าวการพัฒนาศักยภาพท่าเรือแหลมฉบังในปี พ.ศ. 2554 ให้มีความทันสมัยมากขึ้น หรือข่าวการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง เนื้อที่ 600 ไร่ งบลงทุน 2,570 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเปิดได้ภายในปีงบประมาณ 2554 ผมมักมองว่า รัฐบาลเดินมาถูกทางเพียงครึ่งเดียว เหตุผลที่ผมมักคิดแบบนี้ก็เนื่องมาจากผมเห็นว่า การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแล้ว รัฐบาลยังคงต้องพัฒนาบุคลากรทางด้านโลจิสติกส์ของไทยด้วย บุคลากรทางด้านโลจิสติกส์ของไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ยังไม่มีความรู้ทางด้านการบริหารการจัดการระบบโลจิสติกส์เพียงพอ บุคลากรเหล่านี้ส่วนใหญ่ปฏิบัติงานได้ตามคำสั่งหรือตามความชำนาญที่ได้รับการสอนสั่งแบบรุ่นต่อรุ่น งานที่ปฏิบัติจึงออกมาในรูปแบบของการปฏิบัติงานจริง ๆ และส่วนใหญ่ก็เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งหรือตามแผนงานของผู้บริหารต่างชาติแทบทั้งสิ้น มีบุคลากรของไทยเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้และเข้าใจระบบบริหารและการจัดการโลจิสติกส์ที่ถูกต้องและครบวงจร บุคลากรทางด้านนี้ส่วนใหญ่จึงยังสู้ต่างชาติไม่ได้ เมื่อบุคลากรยังสู้ไม่ได้ เครื่องไม้เครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานมากมายที่รัฐบาลสร้างขึ้นมา ใครจะได้รับผลประโยชน์ไปเล่าครับ หากไม่ใช่กลุ่มคนที่มีระบบการบริหารการจัดการที่ดีกว่า ดังนั้น ผมจึงมักคิดเสมอว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปมากขนาดไหน และไม่ว่าโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จะติดตั้งอยู่แห่งหนตำบลใดของประเทศไทย สุดท้ายแล้ว สัดส่วนของผลประโยชน์ที่มากกว่าก็ย่อมตกไปอยู่ในมือของโลจิสติกส์ต่างชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อ่านต่อหน้า 2

  4. ผมเคยเสนอผู้บริหารหน่วยงานรัฐบางแห่งที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้พัฒนาบุคลากรควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ดูเหมือนว่า เสียงของผมเป็นเพียงเสียงเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับความสนใจ จนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ความคิดของผมอาจจะผิดที่ผิดทางก็ได้ ทั้งนี้เพราะผมเห็นหน่วยงานของรัฐได้มีการจัดอบรมสัมมนากันหลายครั้ง ด้วยงบประมาณที่รัฐจัดหาให้ มีการเชิญวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และเชิญผู้ประกอบการโลจิสติกส์เข้าร่วมรับฟัง ผมเองก็เคยเข้ารับฟัง แต่สุดท้าย สิ่งที่นำมาอบรมก็เป็นเพียงแสดงให้เห็นถึงแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและรูปแบบการทำงานที่แตกกระจาย ไม่มีการร้อยเรียงให้เป็นหลักสูตร ไม่มีการนำระบบบริหารการจัดการโลจิสติกส์ให้สินค้าเคลื่อนย้ายแบบครบวงจรมาทำความเข้าใจกัน จนในที่สุด การเคลื่อนย้ายสินค้าเกือบทุกครั้งต้องเกิดจากการบริหารการจัดการมาจากต่างประเทศก่อนเรื่อยมา ทุกครั้งที่ผมได้ข่าวการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ผมจึงอดคิดไม่ได้ว่า รัฐบาลอาจมาถูกทางแล้ว แต่ผมอาจไม่เข้าใจเองก็ได้ แต่ที่ผมยังไม่เข้าใจคือ ก็ในเมื่อรัฐบาลมาถูกทาง แล้วทำไมผมจึงมักได้ยินได้ฟังตัวแทนภาครัฐออกมาให้ข่าวอย่างสม่ำเสมอว่า หากผู้ประกอบการโลจิสติกส์ของไทยไม่ปรับตัว อาจต้องปิดตัวเองลงในยุคการเปิดเสรีที่กำลังเดินหน้าไปอย่างไม่หยุดหย่อนโดยที่ด้านหนึ่งรัฐบาลก็พัฒนาโครงการพื้นฐานอย่างไม่หยุดไม่หย่อนแต่อีกด้านหนึ่งการพัฒนาบุคลากรไม่ได้ทำให้เท่าเทียมกัน สิทธิชัย ชวรางกูร กลับสู่หน้าหลัก

  5. Global News ภาคใต้อัมพาตส่งออกชะงัก สูญรายได้กุ้ง-ปาล์ม-ยาง ค้าไทย-มาเลย์วูบ2พันล้าน นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ภาวะน้ำท่วมภาคใต้ จะส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าและการส่งออกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องอาศัยท่าเรือสงขลาซึ่งกำลังประสบปัญหาน้ำท่วม และการคมนาคมขนส่งมีปัญหา ทำให้ต้องหันมาใช้การขนส่งที่แหลมฉบังและคลองเตยแทน ย่อมทำให้ต้นทุนการส่งออกเพิ่มขึ้น และอาจทำให้การส่งมอบไม่ทันเวลาที่กำหนด ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงการส่งมอบสินค้าสำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยสินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่น กุ้ง เพราะฟาร์มกุ้งได้รับความเสียหาย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ซึ่งภาคใต้เป็นแหล่งผลิตหลักและมีการส่งออกเป็นสัดส่วนถึง 70-80% ของผลผลิตทั้งหมด และเป็นไปได้ที่จะมีผลต่อตัวเลขการส่งออกปีนี้ที่ประเมินไว้ เพราะคำสั่งซื้อมีอยู่ แต่ติดปัญหาการขนส่ง นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เท่าที่ได้รับรายงานสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ อาจมีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป และมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยางพารา โดยเฉพาะในส่วนของโรงบ่มยาง แต่ยังเร็วไปที่จะประเมินตัวเลขความเสียหายในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นมองว่าปัญหาน้ำท่วมในทุกภาคของประเทศ น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่ง ส.อ.ท.จะมีการหารือกันภาย ในสัปดาห์นี้ เพื่อหามาตรการช่วยเหลือประชาชน และผู้ประกอบการ อ่านต่อหน้า 2

  6. นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินความเสียหายต่อภาคเกษตรจากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ ว่ามีมูลค่าเสียหายรวม 1.2 หมื่นล้านบาท โดยพื้นที่เกษตรเสียหาย 6 จังหวัด รวม 4 ล้านไร่ เนื่องจากพืชเกษตรในภาคใต้เป็นพืชที่มีราคา ทั้งปาล์มและยางพารา ส่งผลให้ปัญหาน้ำท่วมโดยรวมทั่วประเทศทำให้พื้นที่เกษตรเสียหายแล้ว 8 ล้านไร่ รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 2.4 หมื่นล้านบาท อ่านต่อหน้า 3 มติชนออนไลน์

  7. น้ำตาลถูก หวั่นต่างชาติสบช่องแห่ตั้ง - ขยาย โรงงานอาหารในไทย นายพงษ์เทพ จารุอำพรพรรณ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย (กบ.) ว่า กบ.เป็นห่วงการใช้ปริมาณน้ำตาลในประเทศ หรือ โควตา ก. ในปี 2554 เป็นอย่างมาก แม้ว่า กบ.จะเห็นชอบให้มีการกำหนด โควตา ก.ไว้ที่ 25 ล้านกระสอบ ในปีการผลิต 2553/54 ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุด ในประวัติศาสตร์ก็ตาม เนื่องจากเกรงว่าอาจมีบริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มข้ามชาติ หันมาตั้งฐานการผลิตในไทย หรือให้เพิ่มกำลังการผลิตในสาขาในประเทศมากขึ้น แล้วลดกำลังการผลิตในสาขาประเทศอื่น ๆ เพื่อลดต้นทุนการผลิตของบริษัท เพราะว่าปัจจุบัน ราคาน้ำตาลในประเทศเพื่อนบ้านสูงกว่าไทยเฉลี่ย 10-15 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกส่งมอบล่วงหน้าเดือน มี.ค.2554 อยู่ที่ 29 เซนต์ต่อปอนด์ และอาจมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก หากประเทศบราซิลผู้ผลิตรายใหญ่สุดของโลกและออสเตรเลีย ไม่สามารถผลิตอ้อยได้ตามเป้าจากปัญหาภัยธรรมชาติ โดยทุนข้ามชาติประเภทเครื่องดื่มและอาหารต่างพิจารณาประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำเป็นฐานผลิตที่สำคัญ ซึ่งประเทศไทยราคาเฉลี่ยที่ 25-26 บาทต่อ กก. จะต่ำมากหากเทียบกับประเทศเวียดนามที่ราคาน้ำตาล กก.ละ 41 บาท ปริมาณโควตา ก.25 ล้านกระสอบถือว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก และผู้บริโภครายย่อยคงบริโภคไม่หมดอย่างแน่นอนในปีหน้า แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้น้ำตาลในปีหน้าดึงตัวคือ การตั้งโรงงานเครื่องดื่มและอาหารของคนไทย และต่างประเทศในไทยจำนวนมาก รวมถึงการลักลอบจำหน่ายประเทศเพื่อนบ้าน และผู้ผลิตอาหารเพื่อส่งออกเดิมใช้โควตา ค. (ส่งออก) หันมาใช้โควตา ก.แทน ไทยรัฐออนไลน์ อ่านต่อหน้า 4

  8. ทีดีอาร์ไอ เตือนผู้ประกอบการเร่งใช้สิทธิ์ FTA และปรับตัวให้ทันเกมการค้าโลก ดร.เชษฐา อินทรวิทักษ์ นักวิจัยโครงการการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เปิดเผยว่า จากการศึกษาโดยใช้แบบจำลองทางเศรษฐมิติ โดยใช้ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยย้อนหลังไป 19 ปี พบว่า ในภาพรวม FTA ทุกฉบับที่ไทยลงนามไปนั้นส่งผลต่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกและนำเข้าของไทยอย่างมีนัยสำคัญ แต่การใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ต่าง ๆ ของไทย ยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ โดยในปี 2552 ผู้ประกอบการภาคส่งออกของไทยมีอัตราการใช้สิทธิฯ 52% ซึ่งทำให้ไทยสามารถประหยัดภาษีได้ราว 7.2 หมื่นล้านบาท ในขณะที่หากมีการใช้สิทธิ์เต็มที่ 100% ภาคส่งออกไทยจะสามารถประหยัดภาษีได้ถึง 1.3 แสนล้านบาท ด้านผู้ประกอบการภาคนำเข้ามีอัตราการใช้สิทธิฯเพียง 37% ซึ่งสามารถประหยัดภาษีได้ 3.3 หมื่นล้านบาท โดยหากมีการเก็บเกี่ยวประโยชน์อย่างเต็มที่ ผู้นำเข้าสามารถประหยัดภาษีได้ถึง 5.3 หมื่นล้านบาท สาเหตุของการใช้สิทธิประโยชน์น้อยส่วนหนึ่งเกิดจากแต้มต่อทางภาษีภายใต้ FTA ที่ยังไม่จูงใจพอเมื่อเทียบกับต้นทุนในการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ภายใต้ FTA แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องของสิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ตลอดจนกระบวนการและขั้นตอนในการขอใช้สิทธิประโยชน์ โดยหากเราสามารถขจัดอุปสรรคเหล่านี้ได้ ภาษีที่ภาคส่งออกและนำเข้าของไทยจะสามารถประหยัดได้จะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าจากที่เป็นอยู่ จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ผู้ประกอบการไทยยังไม่สามารถเข้าถึงและเกี่ยวเก็บเกี่ยวประโยชน์จาก FTA ได้อย่างแท้จริง หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจึงควรเข้ามาดูแลในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้ข้อมูล คำปรึกษา รวมทั้งจัดทำคู่มือการใช้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการในประเด็นต่าง ๆ เช่น อัตราภาษีและกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงต่าง ๆ แยกตามรายประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ อ่านต่อหน้า 5

  9. ประโยชน์จาก FTA ฉบับใด การเผยแพร่ตารางการลดภาษีและกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าของทั้งไทยและประเทศภาคีตามรหัสพิกัดศุลกากร HS 2007 และ HS 2012 การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการขอใช้สิทธิประโยชน์ผ่านช่องทางปกติและทางอินเทอร์เน็ต การใช้ระบบการขอให้หน่วยงานศุลกากรพิจารณาล่วงหน้า (advanced ruling) สำหรับการตรวจสอบพิกัดอัตราศุลกากร อัตราศุลกากร และกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อลดปัญหาการตีความพิกัดศุลกากรไม่ตรงกันระหว่างผู้ประกอบการกับหน่วยงานศุลกากร นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการควรตระหนักนอกเหนือจากเรื่องของการลดภาษีภายใต้ FTA คือ ในปัจจุบัน มีการนำบริบทแวดล้อมของกระบวนการผลิตมาเป็นเงื่อนไขกีดกันทางการค้า เช่น การให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม กฎแหล่งกำเนิด มาตรฐานการผลิต มาตรฐานสุขอนามัย ฯลฯ ซึ่งเป็นเกมเจรจาทางการค้าที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบันและจะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ ประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทัน ขณะนี้คณะผู้วิจัยกำลังทำการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมสำคัญของไทยใน 12 สาขา ภายหลังจากที่ FTA ต่าง ๆ ของไทยมีผลบังคับใช้ เพื่อให้เห็นถึงการปรับตัวของภาคการผลิตไทย ซึ่งจะทำให้เราทราบว่าอุตสาหกรรมใดได้หรือเสียประโยชน์จาก FTA ฉบับต่าง ๆ แตกต่างกันอย่างไร ผลของการศึกษานี้ จะทำให้หน่วยงานภาครัฐสามารถมีข้อมูลล่วงหน้าที่เป็นประโยชน์ในการกำหนดนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรม วางแผนรับมือเกมการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนการการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ. ทีมสื่อสารสาธารณะ-ทีดีอาร์ไอ กลับสู่หน้าหลัก

  10. Supply & Demand ผลไม้ไทยในเยอรมนี สวัสดีค่ะท่านผู้ประกอบการ ลมหนาวมาแล้วนะคะในสัปดาห์นี้ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ สำหรับสัปดาห์นี้เรามาดูตลาดผลไม้ไทยในต่างประเทศกันค่ะ เป็นที่รู้กันว่าผลไม้ไทยเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศอย่างมากเนื่องจากมีรสชาดที่หอมหวานใครได้ทานก็ติดใจ ชาวเยอรมันก็เป็นอีกหนึ่งชนชาติที่หลงไหลในผลไม้ไทยค่ะ ลักษณะสำคัญของตลาดสินค้าผลไม้สดของเยอรมนี คือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงและผู้บริโภคจะเน้นราคาเป็นอันดับแรก สำหรับสินค้าไทยจัดเป็นสินค้า Exotic Fruits มีราคาค่อนข้างแพงเนื่องจากมีต้นทุนสูง มักมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า/ซุปเปอร์มาเก็ต ตั้งแต่ระดับกลาง-บน และยังไม่มีจัดจำหน่ายในซุปเปอร์มาเก็ตแบบ discounter ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดในตลาด เนื่องจากไทยยังไม่สามารถผลิตสินค้าในปริมาณมากตามคำสั่งในระดับคุณภาพที่แน่นอนได้ อย่างไรก็ตาม กล่าวได้ว่าเยอรมันเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับสินค้าผลไม้ไทยเนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง ชาวเยอรมันจำนวนมากเคยเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยทำให้รู้จักผลไม้ไทยหลายชนิด ตลาดเยอรมันจึงยังเปิดกว้างสำหรับผลไม้ไทย เชื่อมั่นว่าหากเกษตรกรและผู้ส่งออกไทยสามารถควบคุมคุณภาพและระบบการจัดการ/การผลิต/การขนส่ง/การควบคุมโรค/การใช้ยาฆ่าแมลงให้ได้มาตรฐาน สินค้าผลไม้ไทยจะสามารถเจาะตลาดเยอรมันได้มากกว่านี้แน่นอน หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจและเชื่อมั่นว่าสามารถหาสินค้าผลไม้ไทยพร้อมที่จะส่งออก ไปยังเยอรมนีได้ รีบใช้โอกาสนี้ในการส่งออกเลยนะ หรือจะติดต่อมาทาง SNP เพื่อขอคำปรึกษาก็ได้ค่ะ กลับสู่หน้าหลัก เพนกวิ้นตัวกลม

  11. เที่ยวรอบโลกกับ..Peter Chan กัมพูชา สวัสดีครับท่านผู้อ่าน เปิดคอลัมน์ใหม่กับ “เที่ยวรอบโลก กับ Peter Chan” ผมก็จะพาไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวต่างชาติ เศรษฐกิจ นิสัย และดูว่าเค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร และหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้ประกอบการบ้างไม่มากก็น้อย สัปดาห์นี้จะพาท่านผู้อ่านไปประเทศกัมพูชา กัมพูชามีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันกัมพูชา หรือ เขมร เพื่อนบ้านเรา แต่พวกเค้าไม่ชอบให้เราเรียกเค้าว่า “เขมร” เค้าให้เรียกเค้าว่า “ชาวกัมพูชา” ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คนที่อยู่ที่ประเทศกัมพูชาเค้าเล่ามา กัมพูชาเป็นประเทศที่ไม่ผลิตอะไรเลย ซื้ออย่างเดียว ศักยภาพของกัมพูชา -นิยมสินค้าไทยเป็นพิเศษ เรียกว่าสินค้าที่ส่งไปจากไทยเป็นที่ต้องการอย่างมากในกัมพูชา เพราะบ้านเค้าไม่ผลิต -เป็นฐานในการผลิตสินค้าเกษตร -เป็นแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุ -เป็นแหล่งพลังงานทดแทน -แรงงาน ค่าแรงถูก ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลงด้วย -สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากนานาประเทศ เนื่องจากประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา ข้าวที่ส่งออกจากกัมพูชาเข้ายุโรปไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งสิทธิ์นี้สหภาพยุโรปได้ให้กับประเทศกัมพูชาเพื่อเป็นการ ช่วยเหลือในการส่งออกข้าวแข่งกับประเทศเพื่อนบ้าน อ่านต่อหน้า 2

  12. การส่งเสริมการลงทุน - ประเทศกัมพูชายกเว้นภาษีนำเข้าวัสดุก่อสร้างและเครื่องมือ - นำเข้าผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ ประเทศกัมพูชายังขาดผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ อีกมาก - ยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบผลิตเพื่อส่งออก - โอนเงินเสรี การลงทุนใดบ้างที่น่าสนใจ - การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว - อุตสาหกรรมการเกษตร - ผลิตสินค้าอุปโภค บริโภค - บริการ - การค้า ข้อดีข้อเสียของการลงทุนในประเทศกัมพูชา แน่นอนว่าการลงทุนจะต้องมีความเสี่ยง หากเรารู้ว่า ประเทศกัมพูชามีจุดดีอย่างไร และมองเห็นจุดด้อย ก็จะทำให้การลงทุนมีประสิทธิภาพ และระมัดระวังในการลงทุนมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่ากัมพูชามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง อ่านต่อหน้า 3

  13. ข้อดี - แรงงานมากและพร้อมเรียนรู้ - ที่ดินนอกเขตเมืองมีมาก รอการพัฒนา - ยังไม่มีอุตสาหกรรมหลัก และการแข่งขันมีน้อย - ทรัพยากรท่องเที่ยวมีศักยภาพ - ข้อจำกัดในการนำเข้าน้อย ข้อเสีย - ค่าที่ดิน และค่าสาธารณูปโภคมีราคาแพง - กฎหมายและกฎระเบียบขาดความชัดเจน - ไม่มีหน่วยงานชี้ขาดการบังคับใช้กฎหมาย - มีปัญหาความอ่อนแอของระบบศาลยุติธรรม - ความไม่โปร่งใสของขั้นตอนและระบบราชการ - การละเมิดสินค้าปลอมแปลง ปัญหาหลัก ๆ ก็คือเรื่องระบบราชการ ดังนั้นเอกสารที่ส่งไปต้องแม่นยำครบถ้วน เพราะถ้าหากไม่ครบถ้วนจะต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะในราคาที่สูงเลยทีเดียว ถ้ามีบริษัทพันธมิตรที่ทำธุรกิจอยู่ในประเทศกัมพูชาอยู่ก่อนแล้วก็จะดีมาก ๆ แต่ยังไม่มี ผมขอแนะนำบริษัท INTRA MAKONG CO., LTD. คุณอรนุช ผการัตน์ – รัทเทน กรรมการผู้จัดการ ผู้ที่มาเป็นวิทยากรการสัมมนาและให้ความรู้เกี่ยวกับการค้าการลงทุนที่ประเทศกัมพูชา คุณอรนุช ยินดีตอบทุกเรื่อง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในประเทศไทย บริษัท อินทราแม่โขง ได้ทำธุรกิจหลายอย่างอยู่ในประเทศกัมพูชาตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 ติดต่อได้ตามนี้ครับ E-mail : manager@intra-mekong.com Tel : 081-8392452 กลับสู่หน้าหลัก

  14. All About Logistics "เมื่ออาเซียนจะรวมเป็นหนึ่ง หนึ่ง หนึ่ง....." เมื่อวันก่อนผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมนารับฟังความคิดเห็นเรื่อง พิธีสารฉบับที่ 2 (protocol2) ว่าด้วยเรื่อง การกำหนดที่ทำการพรมแดน (Designation of Frontier Posts) และ พิธีสารฉบับที่ 7 (protocol7) ว่าด้วยเรื่องภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN Framewoek Agreement on Facilitation of Goods in Transit) (ชื่อจะยาวไปไหนกันเนอะ) ณ อาคาร 120 ปี กรมศุลกากร นั่งฟังไป จินตนาการตามไป ก็ให้รู้สึกตื่นเต้นเสียไมได้ เพราะหากทำได้จริงอย่างที่ท่านๆวิทยากรบรรยายไว้เเล้วนั้น อาเซียนคงจะพัฒนาพรวดๆ จนเราๆท่านๆอาจจะตามไม่ทันกันเลยทีเดียว ถ้าท่านผู้อ่านยังไม่ทราบว่า protocol ที่ว่านั่นคืออะไร วันนี้ผู้เขียนมีข้อมูลมาชี้แจงให้ฟัง ดังต่อไปนี้ ประเด็นมันเริ่มตรงที่ว่า เนื่องจากประเทศในกลุ่มสมาชิก มีความเห็นร่วมกันว่าจะทำให้กลุ่มประเทศอาเซียนรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน (เหมือน EU) ในด้านการคมนาคม ท่องเที่ยว ขนส่ง และ ระบบศุลกากรโดยจะปรับปรุง และพัฒนาระบบต่างๆให้สำเร็จภายใน ปี 2015 ภายใต้โครงการ ASEAN Economic Community (AEC) 2015 ดังนั้น ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 6 ที่ฮานอย ประเทศเวียดนาม นั้นโดยที่กรอบความตกลงฯ ดังกล่าว ประเทศภาคีอาเซียน จะต้องร่วมกันจัดทำพิธีสาร (Protocol) 9 ฉบับ เพื่อแนบท้ายความตกลงฯ ซึ่งกรมศุลกากรได้รับมอบหมายให้จัดทำพิธีสารที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 ฉบับคือพิธีสารฉบับที่ 2 (protocol2) ว่าด้วยเรื่อง การกำหนดที่ทำการพรมแดน (Designation of Frontier Posts) และ พิธีสารฉบับที่ 7 (protocol7) ว่าด้วยเรื่องภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN Framewoek Agreement on Facilitation of Goods in Transit) นั่นเอง อ่านต่อหน้า 2

  15. ทั้งนี้ สาระสำคัญของพิธีสารฉบับที่ 2 ได้แก่ 1. กำหนดที่ทำการพรมแดน ตามรายละเอียดในบัญชีแนบท้ายพิธีสารนี้สำหรับการขนส่งสินค้าผ่านแดนการแก้ไขใด ๆ กระทำได้โดยความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ของภาคีคู่สัญญาทั้งหมด 2. บทบัญญัติในพิธีสารฉบับนี้ มิให้มีการตั้งข้อสงวนใด ๆ 3. พิธีสารจะมีผลบังคับใช้ภายหลังการให้สัตยาบันของภาคีคู่สัญญา สาระสำคัญของพิธีสารฉบับที่ 7 ได้แก่ 1. ประเทศภาคีคู่สัญญาจะอนุญาตให้ขนส่งสินค้าผ่านแดนของตนได้ เว้นแต่สินค้าต้องห้าม ต้องกำกัด ซึ่งได้กำหนดไว้ในบัญชีแนบท้ายพิธีสารนี้ 2. ไม่มีการเก็บภาษีใด ๆ สำหรับสินค้าที่ขนส่งผ่านแดน 3. หลักเกณฑ์และเงื่อนไขตลอดจนพิธีการศุลกากรเพื่อการผ่านแดนจะต้องกำหนดไว้อย่างชัดแจ้งในกฎหมายแห่งรัฐ และ/หรือประกาศที่ออกโดยศุลกากร 4. ศุลกากรแต่ละประเทศสามารถดำเนินการใด ๆ ได้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้สามารถควบคุมการขนส่งผ่านแดนให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และการตรวจของจะกระทำได้เท่าที่มีเหตุอันควรเท่านั้น Sathinun อ่านต่อหน้า 3

  16. 5. บทบัญญัติในพิธีสารฉบับนี้ มิให้มีการตั้งข้อสงวนใด ๆ การแก้ไขจะกระทำได้โดยความเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ของภาคีคู่สัญญาทั้งหมด เว้นแต่บัญชีสินค้าต้องห้าม ต้องกำกัด แนบท้ายพิธีสารฉบับนี้ 6. พิธีสารจะมีผลบังคับใช้ภายหลังการให้สัตยาบันของภาคีคู่สัญญา โดยส่วนดีของพิธีสารนี้ จะทำให้ ASEAN ใช้ระบบในการเดินพิธีการศุลกากรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ใบขนสินค้าขาออกของประเทศไทย ก็สามารถเป็นใบขนสินค้าของประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในโครงการที่กลุมประเทศอาเซียน ริเริ่มที่จะพัฒนาร่วมกัน ฉบับหน้า ผู้เขียนจะนำเรื่องการปรับปรุงระบบพิกัดศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียน(ASEAN Harmonized Tariff Nomenclature : AHTN) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรวมกลุ่มกันของกลุ่มประเทศอาเซียน มาเล่าให้ฟังต่อค่ะ Sathinun กลับสู่หน้าหลัก

  17. SNP Philosophy ง่าย กับ ยาก ง่ายที่จะ...ตั้งกฎเกณฑ์ยากที่จะ...ทำตามกฎนั้น ง่ายที่จะ...ฝันทุกค่ำคืนยากที่จะ...สู้เพื่อฝันนั้นง่ายที่จะ...อวดความสำเร็จยากที่จะ...ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างมีศักดิ์ศรีง่ายที่จะ...ชื่นชมความงามของดวงจันทร์ยากที่จะ...เห็นอีกด้านของมันที่ไม่สวยงามนักง่ายที่จะ...สะดุดหกล้มยากที่จะ...ลุกขึ้นมาใหม่ ง่ายที่จะ...ตัดสินความผิดพลาดของคนอื่นยากที่จะ...สำนึกถึงความผิดของตนเอง ง่ายที่จะ...พูดโดยไม่คิดยากที่จะ...ไม่พูด ง่ายที่จะ...ทำร้ายคนที่รักเรายากที่จะ...เยียวยาบาดแผลที่เราทำไว้กับเขาง่ายที่จะ...อภัยให้คนอื่นยากที่จะ...ขอให้คนอื่นอภัยให้ อ่านต่อหน้า 2

  18. ง่ายที่จะ...มีความสุขในทุกวันยากที่จะ...เห็นคุณค่าที่แท้จริงของความสุขนั้นง่ายที่จะ...สัญญากับใคร ๆยากที่จะ...ทำตามสัญญานั้นง่ายที่จะ...บอกว่ารักยากที่จะ...แสดงความรักนั้นง่ายที่จะ...วิจารณ์คนอื่นยากที่จะ...ปรับปรุงตนเองง่ายที่จะ...ทำผิดยากที่จะ...เรียนรู้จากความผิดนั้นง่ายที่จะ...ทุกข์ทรมานเพราะสูญเสียความรักยากที่จะ...รักษารักนั้นเพื่อที่จะไม่ต้องสูญเสียมันไป SNP อ่านต่อหน้า 3

  19. ง่ายที่จะ...คิดที่จะปรับปรุงยากที่จะ...เลิกคิด แล้วทำให้มันเกิดขึ้นจริงซะทีง่ายที่จะ...คิดกับคนอื่นในแง่ร้ายยากที่จะ...ให้โอกาส และคิดว่าเขาอาจจะไม่เป็น เช่นที่เราคิดง่ายที่จะ...รับยากที่จะ...ให้ง่ายที่จะ...รักษาความเป็นเพื่อนด้วยคำพูดยากที่จะ...ทำตามความหมายของคำว่าเพื่อน SNP อ่านต่อหน้า 4

  20. กลับสู่หน้าหลัก Logistics Specialist and International Freight Forwarder

More Related