220 likes | 356 Views
S.N.P. NEWS. ข่าวสารฉบับที่ 142. S.N.P. GROUP OF COMPANIES. CLICK HERE. Free. www.snp.co.th Tel.0-2333-1199 ( 12 Line ). 1. CEO Articles. 2. Global News. Supply & Demand. 3. ทัศนา นาท่าเรือ. 4. All about Logistics. 5. 6. SNP Joke.
E N D
S.N.P. NEWS ข่าวสารฉบับที่ 142 S.N.P. GROUP OF COMPANIES CLICK HERE Free
www.snp.co.thTel.0-2333-1199 ( 12 Line ) 1 CEO Articles 2 Global News Supply & Demand 3 ทัศนา นาท่าเรือ 4 All about Logistics 5 6 SNP Joke Logistics Specialist and International Freight Forwarder
CEO Articles ขาดอายุ ผู้ประกอบการรายหนึ่ง ได้รับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI มีพนักงานดูแลงานด้านนี้โดย เฉพาะ แต่อัตราการหมุนเวียนพนักงานเกิดขึ้นบ่อยมาก ทำให้พนักงานที่ติดต่อกับ BOI มีหลายคน ผมได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการรายนี้ให้นำเครื่องจักรเข้ามาจำนวนหนึ่ง เมื่อเครื่องจักรมาถึงท่าเรือ พนักงานของผู้ประกอบการไปยื่นขอใบสั่งปล่อยจาก BOI เพื่อขอให้ยกเว้นภาษีเครื่องจักรดังกล่าว ปรากฏว่า บัตรส่งเสริมขาดอายุไปแล้ว 2 ปีกว่า แต่ไม่มีใครรู้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรายนี้ไม่เคยนำเครื่องจักรเข้ามาเลย จึงไม่ทราบ และไม่มีพนักงานในสำนักงานของตนทราบ เครื่องจักรติดอยู่ที่ท่าเรือหลายวัน ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ผมจึงอาสาทำเรื่องนี้ให้จบกระบวนการ ส่วนงานสิทธิประโยชน์ของผม รายงานเข้ามาว่า จะใช้วิธีต่ออายุสิทธิบัตรปีต่อปี 3 ครั้งให้สิทธิบัตรกลับมามีอายุก่อน จากนั้นจึงทำเรื่องขอยกเว้นภาษี เมื่อผู้ประกอบการยินยอมให้ดำเนินการ ทีมงานของผมจึงลงมือทันทีและจนถึงขณะนี้ เวลาผ่านไปราว 1 สัปดาห์ สถานการณ์ต่าง ๆ ยังคงเป็นไปตามแผนงานที่คาดหมายว่าจะสามารถส่งมอบเครื่องจักรแบบยกเว้นภาษีให้ผู้ประกอบการรายนี้ได้ในอีกไม่กี่วัน การที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่าให้ท่านผู้ประกอบการทราบเรื่องก็เนื่องจากว่า ประเทศไทยถูกกล่าวหาว่ามีต้นทุนโลจิสติกส์สูงกว่าประเทศอื่น ข้อมูลเหล่านี้อาจใช่ แต่เมื่อลองดูสาเหตุที่เกิดขึ้นมากมาย หลายครั้ง หลายกรณี จะพบว่า ส่วนใหญ่เกิดจากการบริหารการจัดการที่ผิดพลาดเช่นในกรณีนี้ จนทำให้เกิดค่าเช่าโรงพักสินค้าในท่าเรือ ค่าดำเนินการที่ BOI จนการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรรายนี้ มีต้นทุนสูงขึ้นจริง ๆ อ่านต่อหน้า 2
เมื่อใดที่การขาดอายุเกิดขึ้นโดยปราศจากการกำกับดูแล เมื่อนั้นค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายสินค้าก็เพิ่มขึ้นและกระทบต่อต้นทุนโลจิสติกส์โดยรวมของประเทศทันที การขาดอายุของขั้นตอนย่อย ๆ เหล่านี้ มักเป็นปัจจัยหนึ่งที่ถูกมองข้าม ทำให้สินค้าต้องตกค้างอยู่ในท่าเรือ เป็นการตกค้างที่เคยเกิดขึ้นตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่สามารถป้องกันได้ ดังนั้น ท่านผู้ประกอบการจึงเป็นผู้หนึ่งที่สามารถทำให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศไทยดีขึ้นได้โดยการวางแผนงานก่อนการสั่งซื้อสินค้านำเข้า หรือก่อนการผลิตสินค้าส่งออกร่วมกับผู้ชำนาญการณ์โลจิสติกส์ที่ท่านไว้วางใจ ผมเชื่อว่าต้นทุนที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน สิทธิชัย ชวรางกูร กลับสู่หน้าหลัก
Global News ธปท.หนุนค้าขายจีน - ไทยเป็นเงินหยวน นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ลงนามร่วมกับธนาคารกลางจีน ในการจัดตั้งสำนักงานตัวแทน ธปท. ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นสำนักงานตัวแทนแห่งที่ 3 ของธปท.ในต่างประเทศ หลังจากสำนักตัวแทน ณ นครนิวยอร์ค และกรุงลอนดอน โดยเหตุผลที่เลือกประเทศจีน เนื่องจากเป็นประเทศที่มีความสำคัญในเศรษฐกิจโลกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความสำคัญต่อการส่งออกของไทย เพราะขณะนี้ไทยส่งออกไปยังประเทศจีนมากที่สุด 11% ของการส่งออกรวม การจัดตั้งสำนักงานตัวแทน ณ กรุงปักกิ่ง จะช่วยเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างธปท.และธนาคารกลางจีน และเป็นประโยชน์ในการติดตามภาวะเศรษฐกิจการเงิน การดำเนินนโยบาย และมาตรการต่างๆ ทางด้านการเงิน และการคลังของจีน รวมถึงจะช่วยสนับสนุนด้านการค้า และการลงทุนของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดมากขึ้น โดยสำนักงานตัวแทนดังกล่าวจะเปิดอย่างเป็นทางการภายในครึ่งปีแรกของปี 2554 ประเทศจีนมีความพยายามที่จะผลักดันให้เงินหยวน เป็นเงินตราสกุลหลักของโลก และได้เปิดให้มีการค้าขายโดยตรงระหว่างผู้ส่งออก-นำเข้าของไทย และจีน โดยใช้สกุลเงินหยวน แทนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเงินยูโร มาระยะหนึ่งแล้ว โดยในขณะนี้สามารถใช้เงินหยวนในการซื้อขายสินค้าโดยตรงกับจีนใน 40 เมือง อ่านต่อหน้า 2
ในภาวะที่มีความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐ ฯ หากผู้ส่งออกนำเข้าของไทย ที่ค้าขายโดยตรงกับจีน จะเปลี่ยนมาค้าขายด้วยสกุลเงินหยวนมากขึ้น ธปท.คิดว่าเป็นเรื่องที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ เพราะการแลกเงินหยวนกับเงินบาทโดยตรง โดยไม่ต้องแลกผ่านเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเงินยูโร นอกจากจากลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการแลกเงินอีกด้วย การมีสำนักงานตัวแทน ณ กรุงปักกิ่งอาจจะช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับการทำข้อตกลงซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินหยวน และเงินบาทล่วงหน้า ในกรณีฉุกเฉินหรือช่วยเพิ่มสภาพคล่องเงินหยวนในประเทศไทย และทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ ซึ่งจีนเห็นว่า จะทำให้การค้าขายเป็นเงินหยวนมีสภาพคล่องมากขึ้นนั้น ธปท.อยู่ระหว่างการศึกษา และตัดสินใจ ว่าจะทำสัญญาดังกล่าวร่วมกับธนาคารกลางจีนหรือไม่ ไทยรัฐออนไลน์ อ่านต่อหน้า 3
สหรัฐฯ เตรียมออก กฎหมายเล่นงานจีนเหตุค่าหยวนต่ำเกินจริง คณะกรรมาธิการสหรัฐฯเตรียมออกกฎหมายเล่นงานจีนเหตุทำค่าหยวนต่ำเกินจริง โดยให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเก็บภาษีตอบโต้สินค้าจีนเป็นการชดเชย คณะกรรมาธิการฝ่ายจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯระบุว่า พวกเขาจะประชุมกันในสัปดาห์นี้ เพื่อร่วมกันพิจารณาร่างแก้ไขกฎหมายที่เสนอโดย ส.ส.จากพรรคเดโมเครต และ รีพับลิกัน เพื่อบีบให้รัฐบาลปักกิ่งของจีนดำเนินมาตรการอย่างจริงจังในการทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ไม่ใช่มีมูลค่าต่ำเกินกว่าความเป็นจริง ซึ่งเปรียบเสมือนการอุดหนุนการส่งออกของจีน กฎหมายฉบับนี้ จะแก้ไขเพิ่มเติมให้มีความสอดคล้องกับกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO ) แต่จะให้อำนาจกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯสามารถจัดเก็บภาษีเพื่อตอบโต้สินค้าจีนเป็นการชดเชยกับมูลค่าที่ต่ำเกินจริงของเงินหยวนได้ ซึ่งแน่นอนว่า จีนจะต้องแสดงความไม่พอใจอย่างมาก ทั้งนี้ บริษัทของสหรัฐฯจะสามารถยื่นขอให้มีการเรียกเก็บภาษีตอบโต้จีนได้ หากสามารถแสดงให้รัฐบาลสหรัฐฯเห็นได้ว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินของจีนอย่างไร อ่านต่อหน้า 4
รมว.คลังลงนาม 5 มาตรการคุมเงินบาทแล้ว นายกรณ์ จาติกวณิชรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อให้นิติบุคคลและบุคคลไทยสามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น โดยกระทรวงการคลังจะออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง คำสั่งรัฐมนตรีให้ไว้แก่บุคคลรับอนุญาต (ฉบับที่ 8) และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ 4) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้เป็น 5 มาตรการ ดังนี้ 1.ผ่อนคลายให้นิติบุคคลลงทุนหรือให้กู้ยืมแก่กิจการในเครือได้ไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่เจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินกำหนด 2.อนุญาตให้นิติบุคคลให้กู้ยืมแก่กิจการที่ไม่ใช่กิจการในเครือได้เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกินปีละ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 3.เพิ่มวงเงินที่บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลในประเทศประสงค์จะโอนเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนหรือที่พักอาศัยจากไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อรายต่อปี เป็นไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อรายต่อปี 4.เพื่อให้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดา มีความคล่องตัวในการซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อฝากไว้กับสถาบันการเงินในประเทศ ในบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit) จึงผ่อนคลายให้ในกรณีที่ไม่มีภาระผูกพัน ให้มียอดคงค้างในบัญชีไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่เจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินกำหนด อ่านต่อหน้า 5
5.ขยายวงเงินค่าสินค้าส่งออกที่ไม่ต้องนำเงินเข้าประเทศจาก 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลังทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวแล้ว ธปท. ในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินจะได้พิจารณาผ่อนคลายหลักเกณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศอื่น ๆ ได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น การผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสมดุลระหว่างเงินทุนไหลเข้าและเงินทุนไหลออกให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อความผันผวนของค่าเงินบาทได้อีกทางหนึ่ง อ่านต่อหน้า 6
เปิดโล่งส่งออก-นำเข้า ดันแก้ร่าง พ.ร.บ.กรมศุลฯลดโทษเอกชน นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศุลกากร แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษที่กำหนดสำหรับความผิดเกี่ยวกับศุลกากร โดยในร่างใหม่ดังกล่าวได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษปรับไว้ที่ 0.5-4 เท่าของราคาสินค้ารวมอากร เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรม และเหมาะสมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวได้สอดคล้องกับแผนปฏิรูปกรมศุลกากรที่กรมศุลกากรจะต้องเปลี่ยนบทบาทของกรมจากการเป็นผู้เก็บภาษีเพียงอย่างเดียว มาเป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านการค้า การแก้ไขในครั้งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความยุติธรรมในกระบวนการทำงานกับกรมศุลฯ โดยร่างกฎหมายใหม่นี้จะเปิดโอกาสให้ศาลได้ใช้ดุลพินิจในการกำหนดบทลงโทษให้ อยู่ระหว่าง 0.5-4 เท่าของมูลค่าสินค้ารวมอากร ดังนั้น ศาลจะมีช่วงการลงโทษตามลำดับของความผิดที่แตกต่างกันมากน้อยแล้วแต่กรณีไป เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้กับกรมศุลฯได้ จากการที่ได้พบปะหารือกับผู้ประกอบการ รวมถึงหอการค้าไทย และต่างประเทศ มีประเด็นปัญหาที่สำคัญที่เป็นอุปสรรค ได้แก่ อ่านต่อหน้า 7
1. ผู้ประกอบการไม่สามารถให้กรมศุลฯ ยืนยันให้แน่ชัดว่าจะจัดสินค้าหนึ่งๆให้อยู่ในหมวดประเภทใด และจะคำนวณภาษีนำเข้าอย่างไร ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้มีการแก้ไขโดยการตั้งคลินิกศุลกากร ซึ่งสามารถตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าวได้ 2. วิธีการประเมินภาษีของสินค้าที่ต้องการจะนำเข้าล่วงหน้าก่อนการนำเข้าจริง ซึ่งที่ผ่านมาวิธีการประเมินภาษีจะไม่แน่นอน และการนำเข้าแต่ละครั้งก็อาจจะพบว่าสินค้าชนิดเดียวกันหากนำเข้ามาในช่วงเวลาที่แตกต่างกันอาจเสียภาษีที่แตกต่างกัน และแม้ผู้ประกอบการจะไม่เห็นด้วยแต่ไม่นิยมที่จะอุทธรณ์ต่อศาล เพราะหากผู้ประกอบการแพ้คดี บทลงโทษที่กำหนดให้ศาลตัดสินคือปรับ 4 เท่าของมูลค่าสินค้า ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถรับได้อาจถึงขั้นล้มเลิกกิจการ ทำให้ยินยอมเสียค่าปรับที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาปัจจัยดังกล่าวจะไปลดขีดความสามารถและประสิทธิภาพทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย. ไทยรัฐออนไลน์ กลับสู่หน้าหลัก
Supply & Demand คุณลำไย(อบแห้ง) สวัสดีค่ะท่านผู้ประกอบการพบกันอีกแล้วนะคะสำหรับคอลัมน์ Supply&Demand หาของซื้อหาตลาดขาย สำหรับสัปดาห์นี้ดิฉันยังคงอยากนำเสนอผลิตผลการเกษตรไทยที่กำลังตีตลาดโลกอีกหนึ่งอย่างค่ะ ลำไยเป็นผลไม้ส่งออกสำคัญของไทย มีแหล่งเพาะปลูกหลักอยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ลำไยเป็น 1 ใน 4 ของสินค้าดาวรุ่ง (Product Champion) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและส่งเสริมอย่างจริงจัง ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต จนถึงการส่งออก ปัจจุบันลำไยแปรรูปเป็นสินค้าส่งออก ที่มีแนวโน้มขยายตัวดี โดยเฉพาะลำไยอบแห้ง ซึ่งไทยมีศักยภาพสูงในการผลิต เพื่อส่งออก เนื่องจาก ลำไยอบแห้งของไทยมีคุณภาพได้มาตรฐาน และตรงตามความต้องการของตลาด การผลิตลำไยอบแห้งของไทยในสมัยก่อน เป็นการผลิตเพื่อบริโภคภายในครัวเรือนเป็นสำคัญ ด้วยการ นำผลลำไยสดร่วง ที่ตลาดไม่ต้องการมาตากแห้ง ต่อมารัฐบาลจึงเริ่มให้การส่งเสริมการผลิตลำไยอบแห้ง เพื่อรองรับผลผลิตลำไยร่วง ซึ่งมีราคาตกต่ำมากในช่วงผลผลิตล้นตลาด เมื่อประกอบกับการส่งออกลำไยอบแห้งของไทยมีลู่ทางสดใส ผู้ประกอบการ ทั้งที่เป็นกลุ่มเกษตรกร กลุ่มแม่บ้าน รวมไปถึงโรงงานอบแห้งขนาดใหญ่ จึงเริ่มหันมาผลิตลำไยอบแห้งมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้งที่ผลิตและส่งออก แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ 1.ผลลำไยอบแห้งทั้งเปลือก เป็นลำไยอบแห้งที่มีการผลิตและส่งออกมากที่สุด สามารถแบ่งเกรดตามขนาดของผลเป็นเกรด AA, A, B, C และคละเกรด น้ำหนักของผลอบแห้งเหลือ 1 ใน 3 ของผลลำไยสด การผลิตและส่งออกลำไยอบแห้งของไทย ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของผลลำไยอบแห้งทั้งเปลือก เพราะต้นทุนการผลิตต่ำ และสามารถเก็บไว้ได้นาน เพื่อรอการจำหน่าย อ่านต่อหน้า 2
2.เนื้อลำไยอบแห้งคุณภาพปานกลาง การผลิตส่วนใหญ่เป็นการอบแห้งทั้งเปลือกก่อน แล้วจึงนำมาแกะเอาเฉพาะเนื้อ เนื้อลำไยอบแห้งที่ได้มีน้ำหนักราว 1 ใน 10 ของผลลำไยสด ลักษณะเนื้อลำไยมีสีดำคล้ำ นิยมนำไปทำน้ำลำไย หรือใช้เป็น ส่วนประกอบของยาจีน 3. เนื้อลำไยอบแห้งคุณภาพดี ได้จากการแกะเอาเฉพาะเนื้อลำไยสดมาอบแห้งประมาณ 24 ชั่วโมง เนื้อลำไยอบแห้ง ที่ได้มีน้ำหนักราว 1 ใน 10 ของผลลำไยสด เป็นลำไยแห้งคุณภาพดี มีสีเหลืองทอง กลิ่นหอม นิยมบริโภคเป็นผลไม้อบแห้ง ตลาดส่งออกลำไยอบแห้งที่สำคัญของไทย กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีชาวจีนอาศัยอยู่มาก เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น ในจำนวนนี้ จีนเป็นตลาดส่งออกลำไยอบแห้งสำคัญที่สุดของไทย แม้ว่าจะมีกำแพงภาษีนำเข้าลำไยอบแห้งสูงถึง ร้อยละ 30 ก็ตาม แต่ปริมาณการผลิตภายในประเทศของจีน ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค จึงยังต้องนำเข้า จากต่างประเทศ โดยที่ลำไยอบแห้งของไทยได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในตลาดระดับสูงของจีน เนื่องจากมีคุณภาพดี ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ชาวจีนโดยทั่วไปนิยมรับประทานลำไยอบแห้งตามความเชื่อที่ว่า มีคุณสมบัติเป็นยาบำรุงและช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ลำไยอบแห้งจึงมักมีราคาสูงเป็นพิเศษในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมของทุกปี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวและใกล้เทศกาลตรุษจีน สำหรับคู่แข่งสำคัญของลำไยอบแห้งไทยในตลาดจีน คือ เวียดนาม ซึ่งแม้ว่าคุณภาพจะสู้ลำไยอบแห้งของไทยไม่ได้ เนื่องจาก มีเนื้อลำไยน้อยและเมล็ดโต แต่ในปัจจุบันเวียดนามก็ได้พัฒนาการผลิตลำไยอบแห้งไปมาก และยังมีแนวโน้ม จะเป็นคู่แข่งของไทย ต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะในตลาดระดับล่างและปานกลาง ซึ่งมีราคาไม่สูงนัก น่าเสียดายที่พื้นที่หมดแล้วสำหรับสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้าดิฉันขอสัญญาว่าจะมานำเสนอขั้นตอนในการส่งออกลำไยอบแห้งแบบไม่ซับซ้อนให้ท่านผู้ประกอบการได้ทราบกันค่ะ เพนกวิ้นตัวกลม กลับสู่หน้าหลัก
ทัศนา นาท่าเรือ ไปดู Port of Ho Chi Minh City กับ โย่ง ยิงยาว วันก่อนผมได้พาท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชม Port of Klang ของประเทศมาเลเซียกันไปแล้ว วันนี้ผม อยากพาไปเยี่ยมชมเพื่อนบ้านของเรากันที่อยู่ทางด้านฝั่งตะวันออกกันบ้าง เพื่อนบ้านของเรารายนี้ ที่ผมต้องยกขึ้นมาเล่าสู่กันฟังเสียหน่อย เนื่องจาก ในตอนที่แล้วผมได้กล่าวไว้แล้วว่า "เขากำลังจะแซงบ้านเรา" นั่นเอง แต่ผมไม่ได้พูดถึงไว้สักเท่าไหร่ วันนี้ผมขออนุญาตพาไปเยี่ยมชม Port of Ho Chi Minh City กันสักเล็กน้อยนะครับ Port of Ho Chi Minh City ตั้งอยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือ ของท่าเรือ Saigon Port ครับ ห่างจากแม่น้ำโขงไปทางตอนเหนือประมาณ 85 กิโลเมตร Port of Ho Chi Minh City ในอดีตนั้น ก็เช่นเดียวกับภูมิภาคอื่นๆ ของเวียดนามครับ ที่ต้องตกเป็นประเทศราชของมหาอำนาจอย่าง ประเทศฝรั่งเศส Port of Ho Chi Minh City เริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 (ยังไม่นานเท่าไหร่เลยครับ) จนล่วงเลยมาถึงปี 2007 Port of Ho Chi Minh City นั้นได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศซึ่งกิจกรรมการค้ากว่า 65 % นั้น มีศูนย์รวมอยู่ที่ Port of Ho Chi Minh City เอง และกว่า 40 % กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศเวียดนาม พูดง่ายๆ ว่าเป็นตัวชูโรงในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติก็ว่าได้ จนได้รับการยกย่องจาก ผู้นำประเทศท่านนึงของประเทศเวียดนามว่าเป็น "ฮีโร่ ของ ผู้ใช้แรงงาน และเป็นยุคแห่งการพัฒนาของประเทศ" อ่านต่อหน้า 2
ในปี 2007 Port of Ho Chi Minh City มีจำนวนคอนเทนเนอร์ กว่า 1.8 ล้าน TEUs ซึ่งนับเป็นสัดส่วนกว่า 25% ซึ่งเพิ่มมาจากปีก่อนหน้าคือปี 2006 และนับได้ว่าเป็น 3 เท่าของผลประกอบการปี 2000 นอกจากนี้ Port of Ho Chi Minh City ยังมีแผนงานอีกหลายโครงการทีเดียว เพื่อที่จะทำให้ท่าเรือแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งในเรื่องของท่าเรือและการค้า การจัดงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศ รวมไปถึงอุตสาหกรรมในรูปแบบอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว หรือ อสังหาริมทรัพย์ที่ปล่อยเช่าไว้ ซึ่งถึงแม้ว่า Port of Ho Chi Minh City นั้นจะยังไม่มีประวัติยาวนานเท่าใดนัก ปริมาณคอนเทนเนอร์ และ สายเรือที่เข้าออกจะยังไม่มากเมื่อเทียบกับ Port อื่นๆ แต่ก็ต้องยอมรับครับว่า ในลำดับขั้นของการพัฒนา เรียกได้ว่า เป็นไปอย่างมีทิศทาง และรวดเร็วมากครับ คงไม่ผิดเพื้ยนนักหรอกครับ ถ้าหาก จะได้ยินกันบ่อยๆ ว่า "เขาจะแซงเราแล้ว" ซึ่งถ้าทุกวันนี้ประเทศไทยยังไม่ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมจริงๆ ดูสักที ผมว่า เราอาจจะเป็นกระต่ายที่นอนรอเต่าวิ่งเข้าเส้นชัยไปก็ได้ครับ พอดีเมื่อเช้าขณะที่ผมกำลังขับรถมุ่งหน้าสู่ออฟฟิศ ได้ฟังข่าวทางวิทยุนำเสนอโดยรายการข่าวชื่อดังยามเช้า ซึ่งได้นำมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของสถานการณ์ในเวียดนามครับ ว่าขณะนี้นอกจากเศรษฐกิจการค้า และการท่องเที่ยวที่กำลังจะเทียบเท่าทางประเทศไทยแล้วนั้น เรื่องการจราจรก็ประสบปัญหาไม่ต่างกับเมืองบางกอกของเราเลยครับ รถติดกันหนักทีเดียว จนทางรัฐบาลเวียดนามเร่งแก้ปัญหาด้วยการก่อสร้างทางรถไฟขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมากันได้ครับ นับว่าเป็นอีกหนึ่งความคืบหน้าเหมือนกันครับว่าประเทศเวียดนามกำลังเปลี่ยนแปลงไปในเชิงพัฒนาในรูปแบบที่พวกเราอาจจะไม่เคยเห็นกันมาก่อน และเรื่องที่ผมรู้สึกเสียใจที่สุดเมื่อมองไปที่เวียดนาม ณ ขณะนี้นั้น เป็นเพราะ Iphone 4 นั้น ดูน่าจะเหมาะกับบ้านเขามากกว่าบ้านเราครับ โย่ง ยิงยาว กลับสู่หน้าหลัก
All about Logistics นโยบายโลจิสติกส์ไทย ในมุมมองมหาอำนาจ "อียู-จีน-ญี่ปุ่น" เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออกฯ ได้ร่วมกันจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ "แนวทางการวางแผนยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ไทย" ขึ้น ณ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการโลจิสติกส์ไทย ในการค้นหาประเด็นสำคัญและวางกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า การประชุมครั้งนี้ต่อเนื่องมาจากการสัมมนาเมื่อปลายเดือนกันยายน 2552 ที่มีการเชิญตัวแทนจากสหภาพยุโรป (อียู) สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และฮ่องกง มาบรรยายถึงการดำเนินนโยบายโลจิสติกส์ของแต่ละประเทศ รวมทั้งข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อไทย โดย นายเตชะ บุณยะชัย รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ได้กล่าวสรุปนโยบายโลจิสติกส์ของสหภาพยุโรป (อียู) จากตัวแทนอียูว่า ในด้านมาตรฐานโลจิสติกส์ อียูได้ให้ความสำคัญต่อระบบรักษาความปลอดภัยด้าน โลจิสติกส์ โดยได้จัดตั้งระบบ authorized economic operator (AEO)ซึ่งหมายถึง สถานภาพที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานของ World Customs Organization (WCO)ดำเนินกิจการด้านศุลกากรและบริหารระบบรักษาความปลอดภัยของโซ่อุปทานภายในอียู ปัจจุบันสิงคโปร์เป็นประเทศเดียวในกลุ่ม ASEAN ที่มีระบบ AEO สำหรับข้อสังเกตกลุ่มอาเซียนที่อนาคตจะก้าวขึ้นไปเป็นกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(ASEAN EconomicCommunity : AEC)ตัวแทนจากอียูให้ความเห็นว่า อาเซียนมีรูปแบบทางการค้าที่แตกต่างจาก อียู กล่าวคือการค้าภายในอียู ส่วนใหญ่เป็นการขนส่งทางบก (ถนนและรถไฟ) ในขณะที่การค้าภายในอาเซียนมีการขนส่งสินค้า ทั้งทางบก และทางน้ำอาเซียนจึงควรที่จะพัฒนาเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งแบบ multimodal corridor อ่านต่อหน้า 2
ความท้าทายของอาเซียน คือทำอย่างไรที่จะพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภายใต้กรอบความร่วมมือกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) และอาเซียน ให้เชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกันได้ ส่วนข้อแนะนำสำหรับประเทศไทย คือ 1.ควรมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชน 2.ควรมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และ 3.ต้องมีกลไกในการติดต่อสื่อสารที่ชัดเจนสำหรับความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน สำหรับประเทศจีน รัฐสภาจีนผ่านแผนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ชื่อ To Strive to Develop China"sModern Logistics Industryรวมไว้ในแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 11 มีการจัดตั้งคณะกรรมการพิเศษดังกล่าว โดยมีคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปของจีน (National Development and Reform Commission) เป็นหน่วยงานหลัก ทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม โลจิสติกส์และรับมือกับประเด็นปัญหา ต่าง ๆ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในความสำเร็จของการพัฒนาโลจิสติกส์ของจีน แผนการพัฒนาโลจิสติกส์ของจีนในปัจจุบันมีชื่อว่าOpinions Concerning Improving the Developmentof China"s Modern Logisticsซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก 9 หน่วยงานรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ และ National Development and Reform Committee (NDRC)โดยจีนมีนโยบายที่เข้าถึงได้คือ นโยบายการออกใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบการให้บริการโลจิสติกส์เพื่อลดความยุ่งยาก ซับซ้อน เช่น นโยบายเกี่ยวกับภาษีอากร ช่วยลดการเก็บภาษีที่ซ้ำซ้อนและอำนวยความสะดวกกับบริษัทโลจิสติกส์สำหรับการชำระภาษี ด้านนโยบายเชิงเทคนิค รัฐบาลกลางและหน่วยงานรัฐบาลต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดตั้งและพัฒนาระบบเทคโนโลยี โลจิสติกส์ รวมถึงระบบไอที ให้ได้มาตรฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานให้สูงที่สุด ปัจจุบันระบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้านการค้าเพื่ออำนวยความสะดวกการนำเข้า-ส่งออก (National Single Window : NSW) ของจีนเสร็จแล้ว อ่านต่อหน้า 3
ส่วนนโยบายเกี่ยวกับบุคลากร มีนโยบายที่จะพัฒนาบุคลากรโลจิสติกส์ในระดับต่าง ๆ โดยมีการเพิ่มหลักสูตร โลจิสติกส์ในสถาบันการศึกษา มีการฝึกอบรมผู้ประกอบการ ผู้บริหารและพนักงานของสถานประกอบการและธุรกิจผู้ให้บริการโลจิสติกส์ และมีการนำintroduce the advanced foreign logistics qualification system นโยบายเกี่ยวกับเงินทุนต่างประเทศ จีนมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้บริษัทและผู้ประกอบการโลจิสติกส์ต่างชาติเข้ามาลงทุนในจีน ตามขอบเขตกฎหมายที่กำหนดไว้ และมีการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจโลจิสติกส์ใช้เทคโนโลยี อุปกรณ์ และเงินทุนจากต่างชาติ ร่วมในการก่อสร้างและดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศ นโยบายด้านพิธีการศุลกากร มีการจัดตั้งเขตพิธีการศุลกากรพิเศษ (Customs Special Zones)เพื่อช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสนับสนุนให้มีการ carry out the mode of locally ally, locally portchecking and approving สำหรับข้อแนะนำของจีนต่อประเทศไทยคือ 1.ควรจัดการหารือทุกฝ่ายเป็นระยะ ๆ เพราะจะช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมีความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องโลจิสติกส์ 2.จัดให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันไปศึกษาดูงานเรื่อง โลจิสติกส์ในประเทศอื่น ๆ เพื่อให้ทุกหน่วยงานมีความเข้าใจร่วมกันในเรื่องนั้น 3.ใช้ประสบการณ์ของผู้อื่นเป็นแบบอย่างในการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องโลจิสติกส์ที่ถูกต้อง 4.หน่วยงานที่ดูแลเรื่องโลจิสติกส์ควรเป็นหน่วยงานที่เป็นกลาง สามารถให้ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เป็นกลาง กลับสู่หน้าหลัก
SNP JOKE “ คำคม ระวังบาดคอนะครับ ” คนพาลถ้าจริงใจก็ไม่ผิด คบบัณฑิตไม่จริงใจก็ไร้ผล อย่ามีหัว..ไว้ให้แค่ผมขึ้น.(รู้จักใช้ซะบ้างสมองอ่ะ..เดี๋ยวมันจะฝ่อ) ความดีก็เหมือนกางเกงใน ต้องมีติดตัวไว้ แต่ไม่ต้องเอามาโชว์ เจ็บแล้วจำ คือ คน เจ็บแล้วทน คือควาย พอใจเท่าที่มี...ยินดีเท่าที่ได้ สิ่งที่สอนคนเราไม่ได้ ก็คือ " สามัญสำนึก " ไปให้สุด..........แล้วหยุดแค่คำว่าพอ........ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร จงซื่อสัตย์กับแฟนตัวเองแล้วจงครื้นเครงกับแฟนคนอื่น หากเดินตามรอยเท้าคนอื่น ก็ไม่มีวันมีรอยเท้าเป็นของตัวเอง มาสาย กลับก่อน นอนกลางวัน มันส์กลางคืน สุราไม่ได้สร้างวีรบุรุษ......แต่วีรบุรุษก็ขาดสุราไม่ได้ ความพยามครั้งที่ 100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ When the candle are out, all women are fair (ทุกนาง...งามสรรพ...เมื่อดับเทียน 555) สุขใดไม่เท่าล้วงกระเป๋า แล้วเจอตังค์ 555 อ่านต่อหน้า 2
คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด..คนฉลาดย่อมเป็นเหยื่อของ..คนฉลาดที่แกล้ง โง่ สามีคือเป้าหมาย ผู้ชายคือทางผ่าน คบเด็กคือนิพพาน ขึ้นคานคือตายทั้งเป็น การดื่มเหล้าให้เมาไม่ใช่ยี่ห้อของสุรา..การศึกษาคือความรู้ที่ได้มาไม่ใช่สถาบัน We can't dip into the future = อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด อ่อนโยน แต่อย่าอ่อนแอ เมียซื้อเงินสด รถซื้อเงินผ่อน (สำหรับคนจะแต่งงาน อิอิ) ถ้าคนเราไม่ปล่อยวางอดีต ก็จะไม่รู้จักอนาคต มนุษย์ แท้จริงแล้วไม่ได้โตด้วยอาหาร แต่โตได้ด้วยความลำบาก เพื่อนกิน เพื่อนกัน เพื่อนกินไม่ทัน เพื่อนกันเอาไปกิน ชะตาฟ้าลิขิต...แต่ชีวิตนะของกู รักแท้ต้องแย่งชิง..รักจริงต้องปล่อยไป ตัดกระดาษต้องใช้กรรไกร .แต่ตัดใจต้องใช้เวลา รักดีกินถั่ว รักชั่วกินเหล้า..รักดีรักชั่ว กินถั่วแกล้มกะเหล้า เอิ้ก ๆ ๆ สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วชนะก็คือ " การที่คนดีนิ่งดูดาย " กำขี้ดีกว่ากำตด แต่ถ้ากำขี้สดๆกำตดจะดีกว่ากำขี้ (นะ) จุดยืนของเราทุกคนคือ " ส้นตีน " (มีใครจะเถียงมั๊ย) ตัวอย่างที่ดี...มีค่ากว่าคำสอน ดี-ชั่วไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์... หน้าถัดไป
"สักวา แดนดิน ถิ่นสงบ จะค้นพบ แดนใด สุดใฝ่หาพื้นพิภพ ทั่วทั้ง ฝั่งคงคา บนเวหา สรวงสวรรค์ ชั้นพรหมินทร์แดนสงบ อยู่ที่ใจ ใช่ที่อื่น ใจชุ่มชื่น ด้วยความดี ใจมีศีลใจสงบ พบความสุข ทั่วแดนดิน ถิ่นสงบ พบได้ ที่ใจเอย" www.baanmaha.com หน้าถัดไป
พบกันใหม่ฉบับหน้า SEE YOU THEN กลับสู่หน้าหลัก Logistics Specialist and International Freight Forwarder