S.N.P. GROUP OF COMPANIES

S.N.P. NEWS ข่าวสารฉบับที่ 144 S.N.P. GROUP OF COMPANIES CLICK HERE Free

www.snp.co.thTel.0-2333-1199 ( 12 Line ) 1 CEO Articles Global News 2 3 Supply & Demand ทัศนา นานาท่าเรือ 4 5 All about Logistics 6 SNP Joke 7 New Promotion บอกเล่าเก้าสิบ 8 9 Logistics Specialist and International Freight Forwarder

CEO Articles การพัฒนาโลจิสติกส์ เช้าวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2553 ผมชมรายการเรื่องเล่าเช้านี้ของคุณสรยุทธ ทางช่อง 3 รายการได้พยา ยามเชิญชวนผู้ประกอบการทางบ้านไปเยี่ยมชมงานโลจิสติกส์แฟร์ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา โดยคุณสรยุทธ ให้เป้าหมายว่า ไปในงานนั้นจะมีช่องทางให้ลดต้นทุนโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการได้ ในช่วงเช้าวันนั้น Mr. Jasim U. Ahmed จากประเทศบังกะลาเทศ ตำแหน่งหนึ่งคือที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของกระทรวงพาณิชย์ ด้านการต่างประเทศ จะเป็นผู้ขึ้นกล่าวในหัวข้อเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศบังกะลาเทศกับประเทศไทย และในช่วงบ่าย Mr. Jasim U. Ahmed มีกำหนดนัดกับผมพอดี ซึ่งปีนี้ ผมตั้งใจจะไม่เข้าไปเยี่ยมชมใด ๆ ในงาน เนื่องจากผมมีความเห็นโดยส่วนตัวว่า แผนแม่บทเกี่ยวกับการพัฒนาโลติสติกส์ของไทยที่รัฐบาลกำลังส่งเสริมไม่ได้ให้ผลประโยชน์คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ต้องลงไป แม้งานโลจิสติกส์ยังคงต้องดำเนินการไป แม้การให้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนยังคงต้องมี แต่ผมโดยส่วนตัวกลับเห็นแตกต่าง ช่วงบ่าย Mr. Jasim U. Ahmed ได้มาพบผมที่สำนักงานของผม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์ประชุมแห่งชาติไบเทค เป็นการพบกันด้วยเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องส่วนรวม แม้การสนทนากันจะไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโลจิสติกส์เลย แต่กลับเป็นการตอกย้ำความเชื่อของผมว่า การพัฒนาโลจิสติกส์ของไทยมิได้เป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ปัจจุบัน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ขนาด SME ของไทยที่รัฐบาลเป็นห่วงว่าจะอยู่ไม่ได้นั้น เป็นความจริงอยู่มาก แต่สิ่งที่รัฐบาลพยายามทุ่มเทการช่วยเหลือลงไปนั้น ตกมาถึงมือธุรกิจโลจิสติกส์ขนาด SME ของไทยไม่ได้เต็มจำนวนตามที่รัฐบาลต้องการหรอกครับ ผมว่าสักครึ่งหนึ่งอาจจะนับไม่ได้เสียด้วย นอกจากประโยชน์จะไม่ได้แล้ว เผลอ ๆ ทุก ๆ การช่วยเหลือของรัฐบาลกลับทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ขนาด SME ของไทยต้องตายไปด้วยซ้ำไป ด้วยสาเหตุที่ว่า การช่วยเหลือเหล่านั้น ผู้ที่ได้รับประโยชน์กลับ เป็นธุรกิจโลจิสติกส์ขนาดใหญ่มากกว่า และธุรกิจขนาดใหญ่เหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติครับแม้ ว่ากฎหมายไทยยังไม่ได้เปิดเสรีด้านนี้เต็มร้อยก็ตาม เรื่องเหล่านี้ใคร ๆ ก็รู้ และผมก็พยายามนำเสนอมา หลายฉบับแล้ว อ่านต่อหน้า 2

ประเด็นที่ผมพอจะอธิบายได้คือ ผู้ประกอบการและหน่วยงานของรัฐส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญต่อการบริหารการจัดการน้อยกว่าการปฏิบัติงานเฉพาะหน้า มีเพียงบางหน่วยงานหรือผู้ประกอบการบางแห่งที่สามารถจัดทำแผนแม่บทได้อย่างดี สามารถกำหนดวิสัยทัศน์ คาดการณ์และวางแผนงานล่วงหน้าที่ได้ทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผมเรียนตรง ๆ ว่า ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ของไทยหลายท่านยังไม่เข้าใจเลยว่า การบริหารคืออะไร การจัดการคืออะไร ประสิทธิภาพคืออะไร และประสิทธิผลคืออะไร อย่างนี้แล้วผลของการพัฒนาโลจิสติกส์ไทยจะเป็นอย่างไร ผมยืนยันว่า การสนทนากับMr. Jasim U. Ahmed ในอีก 2-3 ครั้งต่อมาจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโลจิสติกส์ของไทย แต่การสนทนากลับทำให้ผมมั่นใจในมุมมองของผมมากขึ้น ผมมองว่า “การพัฒนาโลจิสติกส์ของไทย รัฐบาลต้องถามผู้ประกอบการเหล่านั้นก่อนว่า เขาต้องการอะไร” จากนั้น รัฐบาลจึงมาพิจารณาว่าให้เขาได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ จะให้อะไรมาทดแทน แต่หากมองการพัฒนาโดยการเลียนแบบต่างชาติ สุดท้ายด้วยความด้อยทางด้านการบริหารและการจัดการของไทยทั้งระบบ ผู้ได้ประโยชน์ทางการช่วยเหลือของภาครัฐจึงไปตกกับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ต่างชาติอย่างที่ผมมีจินตนาการเรื่อยมา สิทธิชัย ชวรางกูร กลับสู่หน้าหลัก

Global News ไขปริศนาค่าเงินบาท “ ทำไมค่าเงินจึงแข็งขึ้น ? ” การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นการแข็งค่าในอัตราที่สูงกว่าเงินสกุลอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเงินสกุลหลักของโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกอย่างมาก เพราะทำให้ราคาสินค้าออกของไทยเสียเปรียบในการแข่งขันในตลาดโลก หลายฝ่ายคงสงสัยว่าเป็นเพราะเหตุใดค่าเงินบาทจึงแข็งค่าขึ้นเช่นนั้น ผมขอเสนอแนวคิดที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากคนอื่นๆว่า ปัจจัยสำคัญของการแข็งขึ้นของค่าเงินบาทไม่ใช่เพราะเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลง หรือเพราะเกิดจากอัตราดอกเบี้ยสูงและเงินทุนไหลเข้า แต่เป็นสภาวะที่ไม่ปกติของการส่งออกและนำเข้าของไทย โดยการส่งออกขยายตัวในอัตราที่สูงขณะที่การนำเข้าขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่ามาก ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุลลดลงมาก และกลับมาเกินดุลในที่สุด และทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลเช่นเดียวกัน ปัจจัยหลังจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ค่าเงินบาทเมื่อเปรียบเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นถึงประมาณร้อยละ 11 ระหว่างต้นปี ถึงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่สำคัญการแข็งค่าของเงินบาทสูงกว่าเงินสกุลอื่นเกือบทั้งหมด ทำไมผมจึงกล่าวว่าการอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีการปรับตัวลงเพียงร้อยละ 1.6 เท่านั้นน้อยกว่าการปรับเพิ่มของค่าเงินบาทอย่างมาก ในส่วนของอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยไทยจะสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านเกือบทั้งหมด ยกเว้นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และยังสูงกว่าเศรษฐกิจหลักอื่นๆของโลก ทั้ง จีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ในทางทฤษฎีนั้น ถ้าอัตราดอกเบี้ยของประเทศสูงกว่าของต่างประเทศจะเกิดเงินทุนไหลเข้า ทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นสูงขึ้น แต่ในกรณีของไทยในปัจจุบันกลับพบว่ามีเงินทุนไหล เข้าน้อยมากทั้งๆที่อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าประเทศอื่นๆ จากข้อมูลใน 8 เดือนแรกของปี 2549 มีเงินทุน ต่างประเทศประเภทเงินกู้ (ซึ่งเป็นเงินทุนที่ตอบสนองต่อความแตกต่าง อ่านต่อหน้า 2

ของอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศ) ไหลเข้าเพียง 889.69 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 11 ของการเกินดุลการชำระเงินที่มีมูลค่า 8,181 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงอาจจะมีผลบ้างต่อการแข็งค่าของเงินบาท แต่ทว่าไม่ใช่ปัจจัยหลัก การที่ค่าเงินบาทแข็งค่าจากภาวะการณ์ที่ไม่ปกติของการส่งออกและนำเข้า ทำให้มีโอกาสว่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงในปี 2550 จากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจชั้นนำของโลกจะชะลอตัวลงในปีหน้า โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหาการแตกของฟองสบู่ที่อยู่อาศัย ขณะที่การนำเข้ามีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้นจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ เนื่องจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยและการขยายตัวของการลงทุนทั้งจากการลงทุนภาคเอกชนในโครงการเกี่ยวเนื่องกับ Mega-Projects และการลงทุนภาครัฐที่คาดว่าจะเร่งตัวในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2550 เนื่องจากต้องเร่งใช้จ่ายให้ทันสิ้นปีงบประมาณ 2550 ฐานเศรษฐกิจ อ่านต่อหน้า 3

ปรับตัวให้ทันเมื่อเงินบาทแข็งค่าปรับตัวให้ทันเมื่อเงินบาทแข็งค่า ช่วงนี้นอกจากเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองที่ยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เรายังจะต้องติดตามเรื่องปากท้องกันด้วยค่ะ โดยเฉพาะตอนนี้เรื่องค่าเงินบาทแข็งตัว เป็นเรื่องที่หลายคนกำลังกังวลว่า จะมีผลกระทบกับการใช้ชีวิตและการใช้เงินของเราบ้างมั้ย เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เรามาทำความเข้าใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินบาทแข็งค่ากันซักนิดค่ะ เมื่อเงินบาทแข็งค่าก็หมายความว่า เราจะใช้เงินบาทไทยน้อยลงเพื่อนำไปซื้อเงินดอลล่าร์ เช่น แต่เดิมต้องใช้ถึง 33 บาทเพื่อซื้อ 1 ดอลล่าร์ แต่เมื่อค่าเงินแข็งขึ้น เราก็อาจจะใช้แค่เพียง 30 บาทเพื่อซื้อ 1 ดอลล่าร์ เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกดีใช่มั้ยคะ ที่เราจ่ายน้อยลงแต่ได้มากขึ้น ถ้าจะไปเที่ยวเมืองนอก หรือซื้อของจากต่างประเทศเข้ามามันดีแน่นอนค่ะ แต่ในแง่ของธุรกิจก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่จะทำกำไรได้น้อยลง คือขายของออกไปแล้วได้เงินดอลล่าร์กลับมา แต่เมื่อนำไปแลกเป็นเงินบาทกลับได้เงินน้อยลงกว่าที่ควรจะได้ ตอนนี้หลายคนเลยเริ่มกังวลกันแล้วว่า ถ้าธุรกิจส่งออกที่เป็นรายได้หลักของ ประเทศเกิดแย่ลงเรื่อย ๆ แล้วชาวบ้านอย่างเรา ๆ ล่ะ จะทำยังไงกันดี วันนี้เรามีคำแนะนำการใช้เงินในช่วงเงินบาทแข็งค่าจาก คุณอิสริยะ สุวรรณนาคินทร์ พนักงานค้าเงิน ฝ่ายบริหารเงินจาก EXIM BANK มาฝากกันค่ะ อ่านต่อหน้า 4

1.เงินบาทแข็งค่าไม่มีผลต่อการออมนะคะ ดังนั้นเรายังสามารถออมเงินได้ตามปกติเหมือนเดิม โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มหรือลดจากเดิมค่ะ 2.ในภาวะเช่นนี้ เรายังสามารถจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคได้ตามปกติค่ะ ไม่จำเป็นต้องซื้อของตุนไว้ และข้าวของก็ไม่ได้แพงขึ้นเหมือนภาวะเงินเฟ้อค่ะ 3.ใครที่อยากไปเที่ยวเมืองนอก ช่วงเงินบาทแข็งค่าแบบนี้น่าจะเหมาะที่สุดค่ะ แต่ก็ต้องเช็คแนวโน้มค่าเงินในต่างประเทศให้ดีด้วย และควรแลกเงินไปในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะถ้าถือเงินตราต่างประเทศกลับมาแลกเป็นเงินบาทเป็นจำนวนมาก อาจจะทำให้เสียโอกาสคือการแลกกลับเป็นเงินบาทได้จำนวนที่น้อยลง 4.สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจส่วนตัว ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากเงินบาทแข็งค่า ควรจะทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น เช่น การทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contact)ไว้ ซึ่งสามารถทำให้ผู้ประกอบการสามารถรับรู้ และควบคุมต้นทุนในการทำธุรกรรมได้ชัดเจน และไม่ต้องสูญเสียรายได้จำนวนมากจากการแข็งค่าของเงินบาท 5.สำหรับคนที่มีเงินดอลล่าร์อยู่ในมือ เพราะเคยคิดจะเก็บไว้เก็งราคา ตอนนี้ก็มีสองทางให้เลือกค่ะ หนึ่งคือยอมขายขาดทุนแลกซะตั้งแต่ตอนนี้เลย หรือ สองคือถือรอไว้ให้ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนลงค่อยนำมาแลก แต่วิธีที่สองค่อนข้างมีความเสี่ยงค่ะ เพราะ 1 ปีที่ผ่านมาบาทแข็งค่ามาแล้ว 9% ซึ่งอาจจะขาดทุนมากกว่าเดิม แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละบุคคลค่ะ จริง ๆ แล้วถ้าพูดถึงผลกระทบต่อคนทำงานทั่วไปอย่างเรา ก็อาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจนมากเท่าผู้ที่ทำธุรกิจนำเข้าส่งออก แต่ยังไงก็ตามการช่วยกันฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ก็ยังเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกันอยู่เหมือนเดิมค่ะ อะไรซื้อได้หาได้ในบ้านเราก็ช่วยกันอุดหนุนให้เยอะ ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือต้องรู้จักบริหารเงินให้ดี เพราะถึงภาวะเงินบาทแข็งค่าจะไม่กระทบเราเท่าไหร่ จนเราใช้เงินเพลินแบบลืมเก็บ หรือไม่ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ เราอาจจะเจอปัญหาที่เกิดจากตัวเอง ไม่ใช่จากระบบค่า เงินก็ได้นะคะ อ่านต่อหน้า 5 โดย : วิไลลักษณ์ @Momypedia

เฟดชี้ สหรัฐยังว่างงานสูง คาดขึ้นดอกระยะสั้น เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ABC News ที่วอชิงตัน ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเร็วพอที่จะทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลง และคาดว่า อัตราว่างงานจะยังเคลื่อนไหวที่ระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง พร้อมระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) จากระดับต่ำสุดในปัจจุบันที่ 0 - 0.25% ก่อนที่การจ้างงานในสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ยอมรับว่า ทั้งเขาและคณะกรรมการเฟดคนอื่นๆยังไม่รู้ว่าการจ้างงานที่ฟื้นตัวเต็มที่นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนที่การจ้างงานในสหรัฐจะฟื้นตัวเต็มที่ แต่เขาไม่ทราบว่ากระบวนการฟื้นตัวในลักษณะเช่นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด ส่วนระบบการเงินในสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่สถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้ก็มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ เบอร์นันเก้กล่าว อัตราว่างงานในสหรัฐยังคงมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าประชาชนจำนวนมากจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเงิน การแสดงความคิดเห็นของเบอร์นันเก้สอดคล้องกับคณะกรรมการเฟดคนอื่นๆอีกหลายคน โดยเมื่อไม่นานมานี้ นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ผู้ว่าการเฟดสาขาแอตแลนต้ากล่าวว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยแม้อัตราว่างงานในสหรัฐอยู่ในระดับที่ไม่สามารถยอมรับได้ก็ตาม ขณะที่นายเอริค โรเซนเกร็น ผู้ว่าการเฟดสาขาบอสตันกล่าวว่า การตรึงดอกเบี้ยที่ระดับใกล้ 0% เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมหากการจ้างงานในสหรัฐฟื้นตัวเต็มที่ Content by VoiceTV อ่านต่อหน้า 6

โรงแรมหงอยยอดจองไฮซีซั่นฟุบโรงแรมหงอยยอดจองไฮซีซั่นฟุบ นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า อัตราเข้าพักของโรงแรมไทยในเขตกรุงเทพฯ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 50% กว่าๆ ของจำนวนห้องพักโดยรวมเท่านั้น ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ซึ่งปกติถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ก็ยังไม่มียอดจองห้องพักเข้ามา โดยลูกค้าที่มาเข้าพักส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติทั้งจีนและญี่ปุ่น ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนและญี่ปุ่นที่เดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวยังไม่มีวี่แววเดินทางเข้ามาเนื่องจากข่าวระเบิดรายวันที่เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวยังกังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่ มีเพียงนักท่องเที่ยวจากอินเดียเท่านั้นที่เดินทางมาเนื่องจากเป็นตลาดที่ไม่กังวลเรื่องเหตุระเบิดอยู่แล้ว ขณะที่สถานการณ์โรงแรมในต่างจังหวัดพบว่า ส่วนใหญ่อัตราเข้าพักไม่ดีเหมือนกับกรุงเทพฯ ยกเว้นโรงแรมในภูเก็ตที่มีอัตราเข้าพักอยู่ที่ 65-85% ดีที่สุดเมื่อเทียบกับทุกจังหวัด สมาคมฯ จึงไม่จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอะไรเพิ่มเติมสำหรับกระตุ้นยอดขายช่วงที่เหลือของปีแล้ว เพราะที่ผ่านมาได้ทำมาโดยตลอด และหวังว่าจะช่วยให้อัตราเข้าพักเพิ่มขึ้น แต่เมื่อยังมีเหตุการณ์ระเบิดอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถกระตุ้นยอดเข้าพักได้ และยังมองอนาคตได้ไม่ชัดเจนว่าอัตราเข้าพักจะกลับมาดีขึ้นเมื่อไหร่ ต่างจากปีที่ผ่านมาที่ช่วงไฮซีซั่นกลับมาคึกคักมาก อัตราเข้าพักสูงถึง 70-80% ทั้งนี้ โรงแรมคงไม่ปรับราคาห้องพักลงเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเช่นกัน เพราะปัจจุบันราคาห้องพักในไทยถือว่าถูกมากอยู่แล้ว และสาเหตุที่นักท่องเที่ยวไม่มาเป็นเพราะเรื่องความปลอดภัยอย่างเดียว ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดกระบี่ว่า ในส่วนของโรงแรมและห้องพักในจังหวัดกระบี่เองก็อยู่ในสภาวะที่เงียบเหงาปราศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา โดยส่วนหนึ่งของผู้ประกอบการกล่าวว่า เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้คนไทยหันไปทัวร์ต่างประเทศมากกว่าท่องเที่ยวภายในประเทศ. ไทยรัฐออนไลน์ กลับสู่หน้าหลัก

Supply & Demand Kimchi Crisis สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ดิฉันเชื่อว่าในสัปดาห์นี้ผู้อ่านหลายๆท่านคงถือศีลกินเจกันด้วยใช่ไหมคะ นอกจากได้บุญได้กุศลแล้วก็อย่าลืมทานผักเยอะๆเพื่อสุขภาพกันด้วยนะคะ สำหรับเรื่องการทานผักนั้นสัปดาห์นี้ดิฉันขอพาไปเที่ยวประเทศเกาหลีกันค่ะ เป็นที่รู้กันนะคะว่าอาหารประจำชาติเกาหลีนั้นคือผักดองรสจัดที่เรียกว่า "กิมจิ" ซึ่งมีส่วนประกอบหลักๆคือผักกาดขาว และครอบครัวชาวเกาหลีนั้นจะร่วมกันทำกิมจิด้วยกันในช่วงระหว่างปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ก่อนที่ฤดูหนาวจะเริ่มขึ้นของทุกๆปี แต่ขณะนี้เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนักทำให้ผลผลิตผักกาดขาวในประเทศเกาหลีลดลงอย่างน่าตกใจ ทำให้ผักกาดขาวขาดตลาดและราคาพุ่งสูงขึ้นถึง 4 เท่าของราคาปกติ ซึ่งการที่ราคาผักกาดขาวขึ้นสูงขนาดนี้ประจวบกับช่วงเทศกาลประเพณีทำกิมจิของเกาหลีพอดิบพอดีทำให้ประชาชนชาวเกาหลีเดือดร้อนกันเป็นอย่างมาก จนรัฐบาลต้องนำเข้าผักกาดขาวจากประเทศจีนเป็นจำนวนนับร้อยตันซึ่งทางจีนก็ขายให้ในราคาที่ค่อนข้างสูง รัฐบาลเกาหลีไม่ต้องการที่จะให้ประเทศจีนผูกขาดการขายผักกาดขาวอยู่ฝ่ายเดียวและกำลังมองหาแหล่งผลิตผักกาดขาวอื่นๆเพื่อส่งให้กับเกาหลีอยู่ค่ะ ผู้ประกอบการท่านใดมีความสนใจส่งผักสดไปช่วยบรรเทาวิกฤตกิมจิของเกาหลีสามารถติดต่อทางเราเพื่อขอข้อมูลในการส่งออกเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาค่ะ กลับสู่หน้าหลัก เพนกวิ้นตัวกลม

ทัศนา นานาท่าเรือ ไปดูท่าอากาศยาน Paris-Vatry Airport กับ โย่ง ยิงยาว สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน รู้สึกเหมือนกันรึเปล่าครับ ว่า อาทิตย์นึงผ่านไปไวเหมือนโกหก วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสขับรถพาเพื่อนต่างชาติของผมไปเที่ยวแถวๆ เกาะรัตนโกสินทร์ แต่โชคร้ายที่ผมไม่ทันได้หาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะเดินทางไป ปรากฎว่าเจอกับกลุ่มคนเสื้อแดงเต็มเปา รถติดไม่ลืมหูลืมตากันเลยทีเดียว ผมรู้สึกเกรงใจเพื่อนต่างชาติของผมมากที่ต้องพามาติดบ่วงอยู่ ณ ตรงการจราจรจุดนั้น ผมนั่งนึกในใจ ถ้ามีเครื่องบินก็ดีสิ เบื่อรถติดมากๆ และนั่นก็ทำให้ผมได้ไอเดียขึ้นมาว่า วันนี้พาท่านผู้ประกอบการไปเยี่ยมชมท่าอากาศยาน แทนที่จะเป็นท่าเรือกันบ้างดีกว่า ต้องขอบพระคุณกลุ่มคนเสื้อแดงจริงๆครับ นี้กำลังจะย่างเข้าฤดูฝนแล้ว ผมคงอดนึกไม่ได้ว่าถ้ายืนอยู่ ณ ที่ ปารีส ประเทศฝรั่งเศสจะเป็นอย่างไร ผมขออนุญาตนำเสนอ ท่าอากาศยาน Paris – Vatry Airport ครับ Paris – Vatry Airport นั้นอยู่ห่างจาก ศูนย์รวมหลักทางเศรษฐกิจของยุโรป ใช้เวลาขับไม่ถึงวันก็ถึงแล้วครับ นอกจากนี้ยังอยู่ห่างจาก ตัวเมือง Paris เพียง 120 กิโเมตร และน้อยกว่า สองชั่วโมงจาก Benelux กว่า 75% ของการขนส่งในยุโรป ก็อยู่ในรัศมี 800 กิโลเมตรอีกด้วย ด้วย ทางด่วน และ ไฮเวย์ หลายสาย ทำให้ Paris – Vatry เป็นจุดเชื่อมต่อทางการตลาดของ ยุโรป ไป นอกจากนี้ สนามบินยังมีจุดเชื่อมต่อไปยัง สายการขนส่งด้วยรถไฟเข้าสู่ภูมิภาคยุโรปอีกด้วย อ่านต่อหน้า 2

แต่ก่อนนั้นย้อนกลับไปเมื่อ ปี 1950 ในช่วงสงครามเย็นพอดี โดยมีเครือข่าย NATO เป็นผู้ควบคุมดูแล แต่ก็ต้องพบกับปัญหาหลายประการในอันที่จะเป็นขยายฐานอำนาจตัวเอง การก่อสร้างได้เริ่มดำเนินการขึ้นในปี 1953 และมีเครื่องบินรบประจำการอยู่ถึง 50 ลำ และมีโรงเก็บเครื่องบินขนาดใหญ่ อีก 3 โรง แต่หลังจากปี 1967 ที่กองทัพฝรั่งเศสและ NATO ล่าถอยไป กองทัพสหรัฐอเมริกา ก็เข้าควบคุม สนามบินแห่งนี้ แต่ก็ไม่ได้ใช้งานอะไร และถูกปิดไป จนกระทั่งกองทัพฝรั่งเศสก็ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ฝึกทหารเตรียมการรบ แต่ท้ายที่สุด ก็มีบริษัทเอกชนสนใจ และซื้อไป เพื่อใช้เป็นท่าอากาศยานสำหรับขนถ่ายสินค้าโดยและยังเป็นสนามบินสำหรับผู้เดินทางอีกด้วย สนามบิน Paris – Vatry สามารถรองรับสินค้าได้ถึง 120,000 ตัน ต่อปี มีทั้งหมด 2 Terminal มีจุดตรวจสอบสินค้าผ่านแดนยุโรป และโกดังสำหรับควบคุมอุณหภูมิ ทั้งหมด 5 ห้อง ว่าแล้วเราก็หนีฝนหนีร้อนบินไป Paris – Vatry กันซักหน่อยมั้ยครับ เพราะอากาศบ้านเรานี่เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ โย่ง ยิงยาว กลับสู่หน้าหลัก

All about Logistics EU...ความสำเร็จที่น่าเอาอย่าง #2 ต่อจากฉบับที่แล้ว เราจะมาพูดกันถึงเรื่องสินค้ายอดฮิตติดอันดับที่มีความสำคัยทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ EU กัน เริ่มต้นด้วย กลุ่มสินค้า ยานยนต์ / Automobile: EU เป็นภูมิภาคที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นฐานสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและประกอบยานยนต์ในภูมิภาคยุโรป ไม่ว่าจะเป็นการผลิตรถยนต์ รถบรรทุก รถโดยสาร ยานพาหนะพิเศษ เครื่องยนต์ที่ใช้กับภาคการเกษตร รถราง หรือแม้แต่รถไฟ อีกทั้งยังมีโรงงานสำหรับประกอบรถยนต์ใหญ่ๆ มากมาย เช่น Ford General Motors ( Opel ) Volvo Cars และ Volkswagen ซึ่งประกอบรถยนต์ทั้งสิ้นเป็นจำนวนกว่า 800, 000 คันต่อปี และสำหรับรถบรรทุกสินค้าและรถโดยสาร มีโรงงานของบริษัทใหญ่ๆ อาทิ Volvo Europa Truck, Van Hool, VDL Jonckheere, Mol, DAF Trucks, Honda โดยมีท่าเรือ Zeebrugge เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดและมีความชำนาญในระบบโลจิสติกส์สำหรับสาขายานยนต์ อ่านต่อหน้า 2

ยาและเภสัชกรรม:เยอรมันและกลุ่มประเทศ EU นั้น ขึ้นชื่อว่า มีบทบาทสำคัญในวงการวิจัย และคิดค้นผลิตภัณฑ์ยา และยังมีความชำนาญพิเศษในวิทยาศาสตร์สาขาที่เกี่ยวกับชีวภาพ จึงมีบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ เข้ามาตั้งบริษัทเพื่อทำการวิจัยคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆไปจนถึงการผลิตและการส่งออกไปในภูมิภาคยุโรปและทั่วโลกอยู่อย่างมากมาย อาทิ Janssen Pharmaceutica (บริษัทย่อยของ Johnson & Johnson), Pfizer, AstraZeneca, Alcon และ ScheringPlough เป็นต้น เคมีภัณฑ์ / Chemicals: เบลเยี่ยม เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเคมีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เนื่องจากมีความได้เปรียบในด้านภูมิศาสตร์และระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพแล้วยังมีแรงงานที่มีความชำนาญพิเศษในด้านดังกล่าว โดยมีท่าเรือ Antwerp ซึ่งมี ประสิทธิภาพ และความชำนาญสูงในการขนถ่ายเคมีภัณฑ์ ด้วยการขนส่งผ่านท่อส่งถ่าน ถนน รถไฟ หรือทางเรือ นอกจากนี้ กลุ่มประเทศ EU ทั้ง 27 ประเทศ ยังถือได้ว่าเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ของประเทสไทย ในด้านสินค้าภาคเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมประเภท วัตถุดิบ เหล็ก และ ชิ้นส่วนยานยนต์ อีกด้วย จึงจะเห็นได้ว่า ตลาดภายใน 27 ประเทศ หลังจากผ่านวิกฤติการณ์ทางการเงินนั้น ยังคงเป็นช่องทางที่สดใสสำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่งออก และนักลงทุนของไทยในการบุกตลาด EU ให้มากขึ้นอีกด้วย สาธินันท์ กลับสู่หน้าหลัก

SNP JOKE ชาวประมง..กับ..นักลงทุน นักลงทุนชาวอเมริกัน..กำลังยืนอยู่ที่ท่าเรือณ ชายฝั่งหมู่บ้านเม็กซิกัน..แห่งหนึ่งขณะที่มีเรือประมงลำหนึ่ง..เข้ามาจอดแล้วเขาก็ได้เห็น..ปลาโอครีบเหลืองกองโตๆ.. วางอยู่บนเรือลำนั้นชาวอเมริกัน..เอ่ยชมชาวประมงท้องถิ่นว่า..จับปลาได้เก่งก่อนจะถามว่า..“คุณใช้เวลาในการจับปลาพวกนี้นานไหม?”ชาวประมงตอบว่า..“ครู่เดียวเท่านั้นล่ะครับ”“อ้าว ถ้าอย่างนั้น.. ทำไมไม่อยู่นานอีกหน่อย.. เพื่อจะได้ปลามามากกว่านี้ล่ะ?”คนถูกถามตอบเรียบๆ“นี่ก็พอเลี้ยงครอบครัวในวันนี้แล้วครับ”“แล้วคุณเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรล่ะ”นักลงทุนถาม อ่านต่อหน้า 2

“ผมก็ยุ่งทั้งวันแหละครับ ..นอนตื่นสายๆ.. จับปลาวันละนิดละหน่อย ..เล่นกับลูกๆ ..นอนพักกลางวันกับมาเรีย ..ภรรยาของผม ..เดินเล่นในหมู่บ้าน.. จิบไวน์และเล่นกีตาร์กับเพื่อนฝูงในตอนเย็น”คนอเมริกันจึงพูดอย่างกระหยิ่มว่า..“ผมจบเอ็มบีเอจากฮาร์วาร์ดมา ..ผมให้คำแนะนำคุณได้นะ.. อันดับแรกก็คือ.. คุณน่าจะจับปลาให้เยอะกว่านี้ ..เพื่อจะได้ซื้อเรือลำโตๆ ...ผลจากการที่มีเรือลำโตๆ... ก็จะทำให้คุณมีเงินมากพอ...ที่จะซื้อเรือเพิ่มขึ้นจากนั้น..คุณก็นำปลาที่หาได้ ..ไปขายให้โรงงานเสียเอง.. ซึ่งคุณก็จะควบคุมได้ทั้งหมด ..นับตั้งแต่กระบวนการผลิต.. ผลผลิต ..ตลอดจน..การจัดจำหน่าย..ถึงตอนนั้น.. คุณก็สามารถย้ายจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้ ..ไปอยู่ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้..จากนั้นก็ขยับขยาย ..ย้ายไปแอลเอ.. แล้วไปยังนิวยอร์ก ..ที่ซึ่งคุณสามารถขยายกิจการให้เจริญรุ่งเรืองได้ยิ่งขึ้น”เมื่อฟังมาถึงตอนนี้.. ชาวประมงก็ถามว่า..“แล้วทั้งหมดนี้..ต้องใช้เวลาสักกี่ปี”“15-20 ปี”“จากนั้นล่ะ?”คนอเมริกันหัวเราะร่วน..และบอกว่า ..“ที่นี้..ก็จะถึงช่วงที่สำคัญที่สุดในชีวิตล่ะ... เมื่อมีโอกาสเหมาะ คุณก็ทำหนังสือชี้ชวนขายหุ้น... เพื่อขายหุ้นทั้งหมดแก่สาธารณะ...แล้วคุณก็จะกลายมาเป็นมหาเศรษฐี... อาจทำเงินได้เป็นล้านๆ เหรียญเลยก็ได้นะ”“เป็นล้านๆ..แล้วยังไงล่ะ?”คนอเมริกัน..แจกแจงต่ออย่างเพลิดเพลิน“จากนั้น..คุณก็ค่อยเกษียณตัวเอง ..ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ...นอนตื่นสายๆ ...ตกปลาวัน ละเล็กๆ น้อยๆ.. เล่นกับลูก ๆ ...นอนพักกลางวันกับภรรยาที่บ้าน... ตอนเย็นก็เดินเล่นในหมู่บ้าน .. จิบไวน์ ..และเล่นกีตาร์กับเพื่อนฝูง....” กลับสู่หน้าหลัก

บอกเล่าเก้าสิบ เรียน ท่านผู้ประกอบการ ในวันที่ 23-24 ตุลาคมนี้ พนักงานบริษัท และตัวแทนสภาพนักงาน บริษัท เอส เอ็น พี ชิปปิ้ง กรุ๊ปจำกัด จะเดินทางไปช่วยเหลือเด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านทับกระดาษ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยการซ่อมโรงเรียน ซึ่งเก่าและทรุดโทรมมาก และเด็กนักเรียนยากจน จึงขอเชิญท่านผู้ประกอบการ ร่วมทำบุญไปกับเรา เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนดังกล่าว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นาย ธวัชชัย ไทยประเสริฐ ประธานสภาพนักงาน โทร 02-333-1199 ต่อ 501 8.30 น. – 15.30 น. ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ กลับสู่หน้าหลัก

SEA FREIGHT RATE FOR OCTOBER 2010

Remarks : • Prices above exclude Vat 7 %,B/L and B/L Surrender Fee and local charges that might occur at destination. • Cancellation 2 days before loading date, there will be a fine of 1,000 Bath per shipment. • This quotation does not include other charges with receipts collected by shipping line. • The given ETD is subject to schedule of shipping line's final confirmation only. • Prices can be changeable depending on Booking Confirmation. • ***** Validity: 30-OCT-2010 *****

กลับสู่หน้าหลัก Logistics Specialist and International Freight Forwarder

S.N.P. GROUP OF COMPANIES