1.25k likes | 2.19k Views
วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ เรื่อง “ หลักการผลิตโคนม ”. โดย. อ. วัชรวิทย์ มีหนองใหญ่. คณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร. วัตถุประสงค์. นิสิตสามารถบอกประวัติการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยได้
E N D
วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิตสัตว์เรื่อง“หลักการผลิตโคนม”วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการผลิตสัตว์เรื่อง“หลักการผลิตโคนม” โดย อ. วัชรวิทย์ มีหนองใหญ่ คณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติจังหวัดสกลนคร
วัตถุประสงค์ • นิสิตสามารถบอกประวัติการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยได้ • นิสิตสามารถบอกลักษณะพันธุ์โคนมแต่ละสายพันธุ์และจำแนกข้อแตกต่างได้ • นิสิตสามารถเรียนรู้การจัดการโคนมในแต่ละช่วงอายุได้ • นิสิตสามารถบอกโรคและพยาธิที่สำคัญในโคนมได้
ประวัติการเลี้ยงโคนม • การเลี้ยงโคนมและการผลิตน้ำนมในประเทศไทยเริ่มมาตั้งแต่ปี 1907 โดยชาวอินเดียที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยเป็นผู้ริเริ่ม โดยโคนมที่เลี้ยงเป็นโคนมพันธุ์บังกาลา (Bengal) • ต่อมา ในปี 1920 ม.จ. สิทธิพร กฤษดากร เป็นคนไทยคนแรกที่ทำฟาร์มเลี้ยงโคนมขึ้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ • หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คนไทยนิยมบริโภคนมมากขึ้น และได้มีการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นมมากขึ้น
ประวัติการเลี้ยงโคนม • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้มีการพัฒนาเรื่องฟาร์มโคนมและมีการนำเข้าโคนมพันธุ์เจอร์ซี่จากประเทศออสเตรเลียเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย • ต่อมา ในปี 1960 ทางรัฐบาลเดนมาร์กและสมาคมเกษตรกรเดนมาร์กได้น้อมเกล้าฯ ถวายโครงการการเลี้ยงโคนมในประเทศไทยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว • และมีการจัดตั้งฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมเดนมาร์กขึ้น ซึ่งต่อมาในปี 1971 ได้เปลี่ยนสถานภาพเป็นโครงการส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.)
พันธุ์โคนม (Dairy Cattle Breeds) ลักษณะของโคนมตระกูล Bos taurusกำเนิดแถบประเทศทางยุโรปและอเมริกาลักษณะทั่วไป: ผิวหนังกระชับลำตัว ไม่มีโหนกและเหนียงคอที่ชัดเจน ไม่มีต่อมเหงื่อ ขนยาว ลำคอสั้น ขนาดลำตัวใหญ่ ชั้นไขมันหนาและน้ำหนักตัวมาก ลำตัวเป็นรูปลิ่มหรือสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน แนวสันหลังตรงและบั้นท้ายเป็นเหลี่ยม เช่น โฮลสไตน์ฟรีเชี่ยน, เจอร์ซี่, เรดเดน, มิวกิ้งชอตฮอร์น, บราวน์สวิต
โฮลสไตน์ฟรีเชียน (Holstein Friesian) • มีชื่อเรียกง่ายๆว่าพันธุ์ขาว-ดำ มีถิ่นกำเนิดในเมืองฟรีเชี่ยน (Friesian) ภาคใต้ของเนเธอร์แลนด์ • ลำตัวขนาดใหญ่ เพศเมีย 680 กก. เพศผู้ 997-1,087 กก. ให้น้ำนม 7,542 กก./ปี สีน้ำนมเป็นสีขาว ไขมันน้ำนม 3.64% • ลักษณะเด่น: ให้นมมาก ทนต่ออากาศร้อนและความเครียดได้ดี นิสัยเชื่อง กระตือรือร้น สนใจอยู่ตลอดเวลา เต้านมสมดุล • จุดอ่อนของโคพันธุ์นี้ คือไม่ทนต่อสภาพอากาศร้อน
เจอร์ซี (Jersey) • จัดเป็นพันธุ์เล็กที่สุดในบรรดาโคนม มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ • เพศเมียโตเต็มที่หนัก 365-544 กก. เพศผู้หนัก 544-815 กก. • ลักษณะเด่นคือ ลิ้นดำ หางดำ สีเทาอ่อน, สีเทาปนเหลือง น้ำตาลแกมเหลือง • การให้น้ำนม 5,104 กก. ต่อระยะการให้นม 305 วัน และไขมันสูงกว่า 4.8% ซึ่งสูงกว่าโคนมทุกพันธุ์ • มีอายุการให้น้ำนมเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ มีความทนทานในการให้นม อายุการให้นมยาวนาน
บราวน์สวิต (Brown Swiss) • เป็นโคพันธุ์ขนาดใหญ่ เพศเมียโตเต็มที่ 589-815 กก. เพศผู้ 815-1,178 กก. • ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม บริเวณแนวสันหลังและรอบเขา รอบปากจะมีสีออกขาว เต้านมสีขาวหรือเทา กีบเท้าและหางมีสีเข้มดำ จมูกและลิ้นจะมีสีเกือบดำ • การให้น้ำนม 6,155 กก.ต่อระยะการให้นม 305 วัน ไขมัน 4.1% • มีความทนทานในการให้น้ำนมได้ดี มีความสามารถในการแทะเล็มแปลงหญ้าได้ดี หากินเองได้เก่ง
แอร์ชาย (Ayrshire) • เป็นโคนมที่มีรูปร่างสวยงาม หนังสีน้ำตาลแดงสลับขาว มีรูปร่างลึก และช่วงท้องขยายใหญ่ แนวหลังตรง • เพศเมีย โตเต็มที่หนัก 544-680 กก. เพศผู้ 838 กก. • การให้น้ำนม 5,848 กก.ต่อระยะการให้นม 305 วัน ไขมันน้ำนม 3.95% • เต้านมมีขนาดใหญ่ได้สัดส่วนสวยงามกว่าโคนมพันธุ์อื่น แต่เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และเนื้อเยื่อไขมันมากทำให้เป็นข้อจำกัดของการให้น้ำนม
มิวค์กิ้งชอตฮอร์น (Milking Shorthorn) • โคนมพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ • เป็นพันธุ์กึ่งเนื้อกึ่งนม และที่ประเทศอเมริกาได้พัฒนาให้มีลักษณะของโคนมมากขึ้น แต่ก็ยังให้เนื้อดีเช่นกัน • เป็นโคนมขนาดใหญ่ เพศเมียโตเต็มที่หนัก 544-680 กก. เพศผู้ 906 กก. • การให้น้ำนม 5,326 กก.ต่อระยะการให้นม 305 วัน ไขมัน 3.65%
โคนมตระกูล Bos indicus • มีถิ่นกำเนิดแถบเอเชีย • ลักษณะทั่วไป: ผิวหนังหลวมและไม่แนบชิดกับลำตัว มีโหนกและเหนียงคอ มีต่อมเหงื่อ ขนสั้น มีขนาดลำตัวเล็ก น้ำหนักเบา ชั้นไขมันไม่หนา • ลำตัวมักเป็นรูปกลมมน มีแนวสันหลังโค้งและบั้นท้ายกลม • เช่น โคซาฮีวาล โคเรดซินดี้
ซาฮีวาล (Sahi wal) • มีแหล่งกำเนิดที่ประเทศอินเดีย • เป็นโคขนาดกลาง เพศเมียหนัก 400-450 กก. เพศผู้ 500-600 กก. • มีลักษณะของใบหูใหญ่ พับตก มีโหนก เหนียงที่ชัดเจน ผิวหนังหย่อนยาน แนวสันหลังแอ่นและโค้งมนไปทางบั้นท้าย ลำตัวสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม • ให้น้ำนม 2300-2800 กก.ต่อระยะการให้นม 305 วัน • ปรับตัวได้ดีในสภาพอากาศร้อน ทนทานต่อโรค (โรคไข้เห็บ) • เป็นโคที่นิยมนำมาใช้เป็นโคพื้นฐานของการปรับปรุงโคนมเขตร้อน
เรดซินดี้ (Red Sindhi) • มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอินเดีย • โคเพศเมีย 350-450 กก. และโคเพศผู้ 450-500 กก. มีโหนก เหนียง ผิวหนังหย่อนยาน มีแนวสันหลังแอ่นและโค้งมนมากกว่าโคซาฮีวาล • ลำตัวเป็นสีน้ำตาลเข้มถึงสีแดงตลอดลำตัว ทนต่อสภาพอากาศร้อน ทนทานต่อโรคได้ดี • การให้น้ำนม 2000-2500 กก.ต่อระยะการให้นม 305 วัน • แต่มีข้อเสียคือต้องมีลูกโคเทียบ จึงยอมปล่อยน้ำนม และอั้นน้ำนมง่าย อีกทั้งมีลักษณะของหัวนมรวมกระจุกอยู่ตรงกลาง
อาหารโคนม • อาหารหยาบหมายถึง อาหารที่มีความเข้มของโภชนะอยู่ต่ำ มีเยื่อใยในปริมาณสูง ซึ่งได้แก่พืชตระกูลหญ้า และพืชตระกูลถั่วทั่วๆ ไปเยื่อใย >18% CF, โปรตีน <18% CP • อาหารข้น (Concentrate) หมายถึง อาหารที่มีความเข้มข้นของโภชนะอยู่สูง มีเปอร์เซ็นต์เยื่อใยอยู่ในปริมาณที่ต่ำ เมื่อสัตว์กินเข้าไปสามารถย่อยได้มาก ปริมาณเยื่อใยน้อยกว่า 18% CF • ถ้ามีโปรตีนสูงกว่า 18% CP จัดเป็นอาหารข้นโปรตีน • ถ้ามีโปรตีนต่ำกว่า 18% CP จัดเป็นอาหารข้นพลังงาน
การให้อาหาร(Feeding) • ให้อาหารแบบแยก (Separate feeding) • อาหารหยาบ • อาหารข้น • ให้อาหารแบบสูตรรวม (total mix ration) • R:C ratio • 60:40 • 50:50 • 40:60
ความต้องการอาหารของโคความต้องการอาหารของโค • การจัดการให้อาหารโคนมยึดหลักการของมาตรฐานการให้อาหารสัตว์ (feeding standard) • NRC (National Research Council) ซึ่งเป็นระบบของประเทศสหรัฐอเมริกา • ARC (Agricultural Research Council) ซึ่งเป็นระบบของประเทศอังกฤษ
การให้อาหารและการจัดการลูกโคการให้อาหารและการจัดการลูกโค • ลูกโคแรกเกิด - 24 ชม. • ลูกโควันที่ 2 – 10 แรก • ลูกโค 11 - 30 วัน • ลูกโค 30 วัน - หยานม
การจัดการลูกโคระยะแรกเกิด-24 ชม. • เมื่อลูกโคคลอดออกมาให้ทำการแยกลูกโคออกจากแม่ทันที • ทำการเช็ดเมือกออกจากปากและจมูกเพื่อช่วยให้ลูกโคหายใจได้สะดวก ถ้าลูกโคไม่หายใจให้ทำการปั๊มหัวใจทันที • เช็ดตัวลูกโคให้แห้ง จุ่มสายสะดือด้วยทิงเจอร์ไอโอดีน และทำการรีดนมน้ำเหลืองออกมาให้ลูกโคกินเร็วที่สุด • นอกจากนี้การจัดการยังมีการจดบันทึกรายละเอียดน้ำหนักตัว ติดเบอร์หู ลงประวัติพ่อ-แม่
การจัดการให้นมน้ำเหลืองแก่ลูกโคการจัดการให้นมน้ำเหลืองแก่ลูกโค • นมน้ำเหลือง(Colostrum) อุดมไปด้วยโภชนะที่ลูกโคต้องการ • แม่โคผลิตนมน้ำเหลือง 4-5 วัน • ภูมิคุ้มกันจะถ่ายทอดมาทางนมน้ำเหลือง • การดูดซึมภูมิคุ้มกันจากนมน้ำเหลืองของลูกโค จะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชม. • จัดการให้ลูกโคกินนมน้ำเหลืองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ภายใน 2 ชม) • จากนั้นให้นมน้ำเหลืองอีก 4 ลิตร โดยอาจแบ่งให้ที่ 12 และ 24 ชม. หลังคลอด
การจัดการลูกโคระยะวันที่ 2-10 • ให้กินนมอย่างน้อย 10% ของน้ำหนักตัว หรือประมาณ 4 ลิตร ตามขนาดร่างกายลูกโค จนอายุได้ 10 วันให้กินนม 6 ลิตร/วัน • โคจะผลิตนมน้ำเหลืองออกมาประมาณ 4-5 เมื่อนมน้ำเหลืองหมดก็ให้กินนมธรรมดาหรือนมเทียม • ในช่วง 5-7 วันหลังคลอดให้เริ่มฝึกลูกโคกินอาหารข้น 20% CP โดยเริ่มให้ทีละน้อยๆประมาณ 1 กำมือและเพิ่มปริมาณขึ้นไปเรื่อยๆ
การฝึกให้ลูกโคกินนม • ทำได้ 2 วิธีคือใส่ขวดนมขนาด 2 ลิตร หรือ ใส่นมในถังแล้วหลอกให้โคดูดนิ้วที่จุ่มอยู่ใต้น้ำนมในถัง • หากนมน้ำเหลืองเหลือให้เก็บไว้ในตู้เย็นแล้วเมื่อนำมาให้ลูกโคให้ละลายในน้ำอุ่น 50 องศาเซลเซียส ห้ามต้มเพราะภูมิคุ้มกันในน้ำนมจะถูกทำลาย • หากหาน้ำนมเหลืองไม่ได้ให้ใช้ไข่ดิบ 1 ฟอง/น้ำต้มสุข 3ขีด/ น้ำมันละหุ่ง1/2 ช้อนโต๊ะ/ นมสด6ขีด/ ผสมรวมกันให้โคได้กินแทนนมน้ำเหลือง
อาหารข้นลูกโค (Calf starters) • โดยปกติแล้วจะเริ่มฝึกให้โคกินอาหารข้นตั้งแต่อายุได้ 5-14 วัน การหัดให้กินเร็วจะทำให้ลูกโครับได้ง่าย • อาหารข้นลูกโคควรมีโปรตีนขั้นต่ำ 18%, TDN 80%, แคลเซียม 0.8%, ฟอสฟอรัส 0.4% • อาหารข้นลูกโคจะให้กินไปจนกว่าลูกโคอายุได้ 12 สัปดาห์ (อายุหย่านม 4-8 สัปดาห์) โดย ให้กินเต็มที่ในรางอาหารหรือควบคุมให้กิน 2-3 กก./ตัว/วัน • เมื่อลูกโคอายุได้ 3 เดือนขึ้นไป เราจึงจะเปลี่ยนสูตรอาหารข้นลูกโค ไปเป็นสูตรอาหารโครุ่น
อาหารหยาบสำหรับลูกโค • หญ้าแห้งควรเสริมให้กินตั้งแต่ลูกโคอายุได้ 2 สัปดาห์เป็นต้นไป • ลูกโคอายุ 3 เดือน ระบบกระเพาะจึงจะพัฒนาได้เต็มที่ • หญ้าสดไมควรให้ในลูกโคอายุแรกเกิดถึง 2 เดือน เพราะจะมีปัญหาเรื่องปริมาณการกินสิ่งแห้งน้อย และลูกโคอาจท้องเสียได • ส่วนหญ้าหมักโดยทั่วไปแล้วลูกโคไม่ค่อยชอบกินเท่าหญ้าแห้ง หากจ่ายให้ลูกโคกินจะทำให้การกินสิ่งแห้งได้ลดลง
การจัดการลูกโคระยะวันที่ 11-วันหย่านม • ให้โคกินนม 6 ลิตร/ตัว/วัน และกระตุ้นการกินอาหารข้นโดยให้ทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง • จัดหญ้าแห้งคุณภาพดีไว้ให้ลูกโคหัดกินเพื่อกระตุ้นการพัฒนาของกระเพาะหมัก • ทำการตัดหัวนมที่เกินออก โดยจะตัดเมื่ออายุประมาณ 1 เดือน เพื่อให้เกิดบาดแผลและเจ็บปวดน้อยที่สุดและแผลจะหายเร็ว
การจัดการลูกโค 30 วัน - หย่านม • สำหรับมาตรฐานการหย่านมลูกโคอยู่ที่อายุ 4-8 สัปดาห์ หรือน้ำหนักมากกว่า 60 กก. • หากลูกโคกินอาหารข้นได้ในอัตรา 1.0 กก./ตัว/วัน และ กินอาหารหยาบได้ไม่ต่ำกว่า 0.5 กก./ตัว/วัน ติดต่อกัน 5-7 วัน เราก็หย่านมลูกโคได้ • การหย่านมให้ค่อยๆลดปริมาณลง 2-3 วันและห้ามเคลื่อนย้ายลูกโค • ทำการสูญเขา ถ่ายพยาธิ รวมทั้งทำเครื่องหมายตัววัวให้ชัดเจน
การจัดการโครุ่น - โคสาว • ในการจัดการใหอาหารโครุ่น-โคสาว (Heifers) นับตั้งแต่หย่านมถึงโคท้องและคลอดลูกตัวแรก • โดยทั่วไปจะแบ่งช่วงการเลี้ยงออกเป็น 3 ระยะคือ 1) ชวงหลังหย่านมถึงอายุ 1 ป 2) ชวงอายุ 1 ป ถึงอายุ 2 ป 3) ชวงระยะ 2 เดือนก่อนคลอดลูก
การจัดการโคนมหลังอย่านมถึง 1 ปี • ให้อาหารข้นลูกโค 16%CP1.5-2 กิโลกรัม/ตัว/วัน จนอายุถึง 3 เดือน • ให้หญ้าสดหรือหญ้าแห้งหรือฟางกินเต็มที่ • ปริมาณอาหารข้นขึ้นอยู่กับขนาดตัวโคและคุณภาพของอาหารหยาบ • จัดแร่ธาตุและน้ำตั้งทิ้งไว้ให้กินตลอดเวลา • ในช่วง 3-9 เดือน ควบคุมปริมาณอาหารข้นอย่าให้โคอ้วนมากเกินไป เนื่องจากเซลล์สร้างน้ำนมจะมีการพัฒนามากในช่วง 3-9 เดือน
การทำเครื่องหมายประจำตัวโคถาวรการทำเครื่องหมายประจำตัวโคถาวร • เพื่อช่วยในการบันทึกข้อมูลประวัติโค มี 2 ชนิด คือ ตีเบอร์ร้อน และ ตีเบอร์เย็น • การตีเบอร์เย็นทำเมื่อผิวหนังโคมีสีดำ ซึ่งทำการตีเบอร์ที่บริเวณสะโพกซ้าย • เริ่มจากเช็ดทำความสะอาดบริเวณสะโพกโคให้สะอาดแล้วโกนขนออกแล้วเช็ดให้แห้ง • จากนั้นใช้เหล็กเบอร์แช่ไนโตรเจน อุณหภูมิ –196 องศาเซลเซียส ตีเบอร์บริเวณสะโพก นาน 1 นาที ให้เป็นตัวเลขตามต้องการ
การตรวจสุขภาพและการฉีดวัคซีนการตรวจสุขภาพและการฉีดวัคซีน • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคแท้งติดต่อเมื่อโคอายุ 4-8 เดือน • ถ่ายพยาธิฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย และคอบวม เมื่ออายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
ชวงอายุ 1 ปี - อายุ 2 ปี • เลี้ยงในแปลงหญ้าต่อไปและเสริมอาหารเสริมอาหารข้นและแร่ธาตุ • โคสาวควรโตในอัตรา 0.7-0.8 กก./ตัว/วันถ้าอัตราการเจริญเติบโตต่ำกว่านี้ควรเสริมอาหารข้นเพิ่มขึ้น • โคสาวจะแสดงอาการเป็นสัดครั้งแรกเมื่อมีน้ำหนัก 40-45% ของน้ำหนักโตเต็มที่ • การผสมพันธุ์โคจะทำในช่วงอายุ 14-15 เดือน สำหรับโคลูกผสมในเมืองไทยควรผสมพันธุ์ที่น้ำหนัก 270 กก. ถ้าสายเลือดใกล้พันธุ์แท้ควรผสมพันธุ์ที่ นน. 280-300 กก.
การจัดการผสมพันธุ์โคสาวการจัดการผสมพันธุ์โคสาว • โคจะเริ่มแสดงอาการเป็นสัดเมื่ออายุ ประมาณ 12 เดือน และมีวงรอบการเป็นสัด (estrous cycle) ประมาณ 21 วัน • จะทำการผสมพันธุ์เมื่อโคนมมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 250 กิโลกรัม หรืออายุ 14-15 เดือน และเป็นสัดรอบที่ 2 • ระยะการเป็นสัด (estrous period) มี 3 ระยะคือ • start heat • standing heat • late heat
ข้อดี ผสมได้หลายครั้ง ลดปัญหาโรคทางระบบสืบพันธุ์ ลดปัญหาการขนส่ง ลดปัญหาการบาดเจ็บ กระจายพันธุกรรมได้รวดเร็วและไกล ข้อเสีย ต้องมีความรู้ความชำนาญ ต้องคอยจับสัด หากพันธุกรรมไม่ดีก็ถ่ายทอดเร็ว Artificial Insemination
การกำหนดวันคลอดของโค • โคตั้งท้องประมาณ 285 วัน และนับวันที่โคได้รับการผสมเป็นวันที่ 1 ของการตั้งท้อง • การคำนวณวันคลอดโดยการนำเลข 10 บวกวันผสม เป็นวันคลอดและนับไปอีก 9 เดือน เป็นเดือนที่คลอด • เช่น โคผสมวันที่ 15 มีนาคม 2549 วิธีคำนวณโดยนำจำนวน 10 บวก 15 ได้ วันที่ 25 และนับเดือนต่อจากเดือนผสมพันธุ์ไปอีก 9 เดือน เป็นเดือนธันวาคม พ.ศ.2549 • ดังนั้นกำหนดคลอดวันที่ 25 ธันวาคม 2549 ก่อนและหลังกำหนดประมาณ 5 วัน
ชวงระยะ 2 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด • โคสาวท้องจะเติบโตเร็วมากในช่วงนี้และยังคงโตต่อไปจนถึงการให้ลูกในช่วงปีที่ 2 ซึ่ง ในระยะนี้โคควรมีอัตราการเจริญเติบโต 0.9 กก./ตัว/วัน • ปริมาณอาหารข้นที่ให้ในช่วงนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดของความสมบูรณ์ร่างกายโค ซึ่งส่วนใหญ่จะเสริมในอัตรา 1% ของน้ำหนักตัว • การให้โคไดรับเกลือในอาหารมากไป จะทำให้เกิดการบวมน้ำที่เต้านม (Udder edema) • อาหารที่ให้ควรมี Ca ต่ำ
การจัดการโคก่อนคลอด 1 สัปดาห์ • โคจะมีอาการคือ อวัยวะเพศบวม ช่องคลอดขยายใหญ่ เต้านมเต่งและหัวนมจะบวม มีน้ำนมไหลออกมา เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยเดิน กระสับกระส่าย หางยกขึ้นเห็นชัดเจน และแยกตัวออกจากฝูง • ในช่วงนี้จะเตรียมคอกคลอดและแยกโคเข้าคอกคลอด ประมาณ 1-2 วัน ก่อนคลอดจะมีน้ำเมือกไหลออกมาทางช่องคลอด • สำหรับโคสาวตั้งท้อง ก่อนคลอดประมาณ 1 เดือน จะต้องแยกไปอยู่รวมกับฝูงโครีด เพื่อฝึกเข้าซองรีดนมและสร้างความคุ้นเคยกับแม่โครีดนม
การจัดการโคคลอด • ลูกโคจะเอาขาหน้าออกมาทั้งคู่ โดยหัวจะแนบอยู่ระหว่างขาจะใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ลูกโคจะคลอดออกมา • ถ้าผิดปกติไปจากนี้จะช่วยทำการคลอด หลังจากคลอดแล้ว 4 ชั่วโมง รกจะถูกขับออกมา • ต้องคอยระวังอาการผิดปกติต่าง ๆที่มักเกิดกับแม่โคหลังคลอดลูก เช่น รกค้าง, มดลูกอักเสบ, ไข้น้ำนม (milk fever), นมคัดเต้า
การจัดการโครีดนม ระยะต้นของการให้นม (Early Lactation) 0 – 60 วันหลังคลอด ระยะให้นมสูงสุด (Peak milk) 60-100 วันหลังคลอด ระยะกลางของการให้นม (Mid Lactation) 100-200 วันหลังคลอด ระยะปลายของการให้นม (Late Lactation) 200-305 วันหลังคลอด ระยะพักการรีดนม (Dry Period) 60 วันก่อนคลอด - Far off 60-30 วันก่อนคลอด - Close up 30วันก่อนคลอด - คลอด
การจัดการโคระยะต้นของการให้นม (Early Lactation) • ระยะนี้เป็นช่วงวิกฤตที่แม่โคจะต้องนำอาหารที่ให้ไปสร้างน้ำนมและน้ำนมเพิ่มขึ้นสูงสุด แต่โคกลับกินอาหารได้น้อย • อาหารที่กินเข้าไปจึงไม่พอต่อการสร้างน้ำนม ร่างกายโคจึงต้องดึงอาหารที่สะสมไว้ในร่างกายมาใช้ ทำให้แม่โคจะผอมลง • คะแนนร่างกายจะลดลงอยู่ระหว่าง 2.5-3.0 อาหารระยะนี้จึงจำเป็นจะต้องย่อยง่าย คุณภาพสูง มีความน่ากิน โภชนะต่อหน่วยสูง โปรตีนในอาหารประมาณ 18-20%
การจัดการโคระยะให้นมสูงสุด (Peak milk) • ระยะนี้ปริมาณน้ำนมโคจะสูงขึ้นที่สุดดังนั้นต้องรักษาระยะนี้ให้ได้นานที่สุด • การจัดการด้านอาหารให้ถึงระดับที่โคต้องการ หากโคกินได้น้อยจะต้องเพิ่มจำนวนครั้งในการจ่ายมากขึ้น • เมื่อเป็นสัดครั้งที่ 2 จะทำการผสมพันธุ์ ซึ่งจะต้องผสมให้ติดในช่วงก่อน 90 วัน • จดบันทึกเพื่อแก้ปัญหาการผสมพันธุ์ เช่น วันที่เป็นสัด วันผสม วันคลอดลูก สภาพควรผิดปกติต่างๆ ในการผสมพันธุ์
การจัดการโคระยะกลางของการให้นม (Mid Lactation) • ระยะนี้ปริมาณน้ำนมจะเริ่มลดลง • ตรวจการตั้งท้อง ถ้าระยะนี้ยังผสมไม่ติดจะต้องผสมให้ติด • ในระยะนี้เมื่อผสมติดน้ำนมจะลดลง โคกินอาหารเก่งขึ้น • การให้อาหารจึงให้ตามปริมาณน้ำนม คือ นม 2-3 กิโลกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม แต่จะต้องดูความสมบูรณ์ของร่างกายด้วย • สำหรับอาหารหยาบให้โคกินอาหารหยาบคุณภาพดีเต็มที่ตลอดเวลา
การจัดการโคระยะปลายของการให้นมการจัดการโคระยะปลายของการให้นม • จัดกลุ่มโคให้อยู่ระยะเดียวกัน • ระยะนี้แม่โคจะให้น้ำนมลดลงมากและกินอาหารเก่ง • ลดปริมาณอาหารข้นและให้อาหารหยาบคุณภาพดีเต็มที่
การจัดการโคระยะพักการรีดนม (Dry Period) • ปรับสภาพความสมบูรณ์ของร่างกาย ให้คะแนนอยู่ที่ 3.5 • ถ้าแม่โคตัวใดผอมให้เพิ่มอาหารเพื่อให้แม่โคสมบูรณ์เต็มที่ แต่จะต้องมีระดับคะแนนไม่เกิน 4 • มิฉะนั้นลูกโคจะมีขนาดใหญ่เกินไปและแม่โคจะคลอดลูกยาก