1.5k likes | 4.17k Views
วิชา งานเครื่องมือกลเบื้องต้น ผู้สอน อาจารย์ไพโรจน์ แสงศรีมณีวงศ์. หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก.
E N D
วิชา งานเครื่องมือกลเบื้องต้น ผู้สอน อาจารย์ไพโรจน์ แสงศรีมณีวงศ์
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก กลไกการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก เป็นกลไกส่งกำลังด้วยมอเตอร์ ส่งกำลังผ่านเฟืองขับ ซึ่งเป็นเฟืองทด เพื่อทดความเร็วรอบมอเตอร์ และเพื่อทดแรงขับของมอเตอร์ ที่ข้างเฟืองขับ มีจุดหมุนก้านต่ออยู่คนละศูนย์กับศูนย์กลางเฟือง เพื่อต่อก้านต่อไปขับโครงเลื่อย ให้ชักโครงเลื่อยเดินหน้าและถอยหลังได้ กลไกการทำงาน
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก น้ำหนักกดโครงเลื่อย สำหรับน้ำหนักกดโครงเลื่อย ยิ่งเลื่อนห่างออกจากหัวเครื่องมากเท่าใด จะกดให้ใบเลื่อยตัดเฉือนมากเท่านั้น ดังนั้น การเลื่อนปรับระยะน้ำหนักกด ให้สังเกตการตัดเฉือนของฟังเลื่อยด้วย น้ำหนักกดใกล้หัวเครื่อง = น้ำหนักกดโครงเลื่อยน้อย น้ำหนักกดห่างหัวเครื่อง = น้ำหนักกดโครงเลื่อยมาก น้ำหนักกดโครงเลื่อย
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก ใบเลื่อยเครื่อง (Saw Blade) ใบเลื่อยเป็นอุปกรณ์ของเครื่องเลื่อยที่มีความสำคัญมาก ทำหน้าที่ตัดเฉือนชิ้นงาน ใบเลื่อยเครื่องทำจากเหล็กรอบสูง มีความเข็งแต่เปราะ ดังนั้นการประกอบใบเลื่อยเข้ากับโครงเลื่อย จะต้องประกอบให้ถูกวิธีและขันสกรูให้ใบเลื่อยตึงพอประมาณ เพื่อป้องกันไม่ให้ใบเลื่อยหัก ส่วนต่าง ๆ ของใบเลื่อยประกอบด้วยความกว้าง ความยาว ความหนา ความโตของรูใบเลื่อย และจำนวนฟันใบเลื่อย ซึ่งมีทั้งฟันหยาบและฟันละเอียด จำนวนฟันใยเลื่อยบอกเป็นจำนวนฟันต่อนิ้ว เช่น 10 ฟันต่อนิ้ว 14 ฟันต่อนิ้ว แต่ที่นิยมใช้งานทั่ว ๆ ไป คือ 10 ฟันต่อนิ้ว
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก คลองเลื่อย (Free Cutting Action) คลองเลื่อย คือ ความกว้างของร่องบนวัสดุงาน หลังจากที่มีการตัดเฉือน ปกติคลองเลื่อยจะมีขนาดความหนามากกว่าใบเลื่อย ทั้งนี้ ถ้าไม่มีคลองเลื่อย ขณะทำการเลื่อยใบเลื่อยก็จะติด ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบเลื่อยหัก
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก ทิศทางการตัดเฉือน การทำงานของคมเลื่อยประกอบด้วยทิศทางที่สำคัญ 2 ทิศ ได้แก่ ทิศทางการกดลงและทิศทางการดันไป ดูตามลูกศร ทิศทางทั้ง 2 เป็นตัวทำให้เกิดการตัดเฉือนขึ้น แรงที่กระทำการกดและการดันจะต้องสัมพันธ์กัน ถ้าแรงใดมากเกินไปหรือฝืนอาจจะทำให้ใบเลื่อยหักได้
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก การประกอบใบเลื่อยเข้าโครงเลื่อย การประกอบใบเลื่อยเข้ากับโครงเลื่อยต้องระวังทิศทางของฟันเลื่อย จะต้องใส่ให้ถูกทิศทางเนื่องจากจังหวะถอยกลับของโครงเลื่อย จะเป็นจังหวะที่ทำการตัดเฉือน เพื่อตัดเฉือนชิ้นงานการประกอบใบเลื่อยต้องผ่อนตัวดึงใบเลื่อยให้ยื่นออกแล้วใส่ใบเลื่อยเข้าไปให้รูของใบเลื่อยตรงกับสลักร้อยทั้ง 2 ข้าง ของโครงเลื่อย จากนั้นปรับตัวดึงใบเลื่อยให้พอตึง ๆ แล้วปรับขยับใบเลื่อยให้ตั้งฉากโดยการใช้ค้อนเคาะเบา ๆ ให้ใบเลื่อยแนบสนิทกับตัวดึงใบเลื่อย จึงขันให้ตึงอีกครั้งด้วยแรงมือ
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก ฟันเลื่อยตัดเฉือนหน้าชิ้นงาน การประกอบใบเลื่อย
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก การจับยึดชิ้นงานสำหรับงานเลื่อย การจับงานที่ผิดวิธีในกรณีชิ้นงานสั้น ปากของปากกาไม่สามารถจะจับชิ้นงานให้แน่นได้ แรงกดของเกลียวจะดันชิ้นงานหลุด ถ้าฝืนเลื่อยใบเลื่อยจะหัก การจับงานที่ถูกวิธี ปากของปากกาจะต้องกดขนานกันทั้ง 2 ปาก การจับชิ้นงานสั้น ใช้เหล็กหนุนช่วยในการจับ ดันปากของปากกาให้ขนานกดชิ้นงานแน่นเมื่อขันเกลียวทำให้ชิ้นงานไม่หลุด การจับชิ้นงานสั้นผิดวิธีการจับชิ้นงานสั้นถูกวิธี
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก การจับยึดชิ้นงานในลักษณะต่าง ๆ
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก การวัดตัดชิ้นงาน การเลื่อยชิ้นงานขนาดเดียวกันจำนวนมาก ๆ ถ้าตั้งวัดงานทุกครั้งที่ทำการตัด จะใช้เวลามากและขนาดของชิ้นงานจะไม่เท่ากัน มีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ วิธีการแก้ไขในการตัดชิ้นงานขนาดเดียวกันจำนวนมาก ๆ โดยการตั้งวัดระยะงานชิ้นแรก แล้วใช้แขนตั้งระยะช่วยในการเลื่อยชิ้นงานชิ้นต่อไป การวัดตัดชิ้นงาน
หลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชักหลักการทำงานของเครื่องเลื่อยชัก การใช้แขนตั้งระยะ แขนตั้งระยะ ช่วยในการวัดชิ้นงานที่ต้องการตัดจำนวนมาก ๆ ให้ได้ขนาดเดียวกันทุกชิ้นแขนตั้งระยะสามารถปรับระยะได้ โดยการขันสกรูยึดให้แน่น และมือหมุนขันแน่น เมื่อปรับได้ที่แล้วต้องขันแน่นทั้ง 2 จุด เพราะเมื่อดันชิ้นงานเข้ามาตัดใหม่จะเกิดการกระแทก อาจทำให้ขนาดเปลี่ยนแปลงไปได้ ข้อควรจำไม่ดันชิ้นงานกระแทกเขนตั้งระยะแรงจนเกินไป จะทำให้ขนาดความยาวชิ้นงานที่ตัดมีขนาดความยาวเคลื่อนไปจากที่ตั้งระยะไว้
เครื่องเลื่อยสายพานแนวนอน (Horizontal Band Saw) เป็นเครื่องเลื่อยที่มีใบเลื่อยยาวติดต่อกันเป็นวงกลม การเคลื่อนที่ของใบเลื่อย มีลักษณะการส่งกำลังด้วยสายพาน คือมีล้อขับและล้อตาม ทำให้คมตัดของใบเลื่อยสามารถเลื่อยตัดงานได้ตลอด เนื่องตลอดทั้งใบ การป้อนตัดงานใช้ระบบไฮดรอลิกควบคุมความตึงของใบเลื่อย ปรับด้วยมือหมุน หรือใช้ไฮดรอลิก ปรับระยะห่างของล้อ มีโครงสร้างแข็งแรง ตัวเครื่องสามารถติดตั้งได้กับพื้นโรงงาน
เครื่องเลื่อยสายพานแนวตั้ง (Vertical Band Saw) เครื่องเลื่อยสายพานแนวตั้ง เป็นเครื่องเลื่อยที่มีใบเลื่อยเป็นแบบสายพานในแนวตั้ง ซึ่งจะหมุนตัดชิ้นงานอย่างต่อเนื่อง ใช้ตัดงานเบาได้ทุกลักษณะ เช่น ตัดเหล็กแบน หรือเหล็กบางให้ขาด หรือตัดเป็นรูปทรงต่าง ๆ ซึ่งเครื่องเลื่อยชนิดอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ ชิ้นงานจากการเลื่อยด้วย เครื่องเลื่อยสายพานแนวตั้ง
ความแตกต่างระหว่างเครื่องเลื่อยสายพานกับเครื่องเลื่อยชักความแตกต่างระหว่างเครื่องเลื่อยสายพานกับเครื่องเลื่อยชัก เครื่องเลื่อยสายพานแตกต่างจากเครื่องเลื่อยชัก ที่สามารถตัดชิ้นงานเป็นแบบต่อเนื่อง ในขณะที่เครื่องเลื่อยชักทำหน้าที่ตัดงานเฉพาะช่วงชักตัดเท่านั้น และยังใช้ประโยชน์ของใบเลื่อยในช่วงจำกัดอีกด้วย คือ จะใช้ประโยชน์เฉพาะส่วนกลางของใบเลื่อยเท่านั้นใบเลื่อยสายพานจะมีความหนาน้อยกว่าใบเลื่อยชนิดอื่น ๆ จึงทำให้มีการสูญเสียวัสดุน้อยกว่าเลื่อยสายพานแนวตั้ง ให้ลักษณะเด่นในการทำงานหลายประการ คล้ายกับงานฉลุด้วยมือ ซึ่งจะไม่พบในเครื่องเลื่อยโลหะชนิดอื่น ๆ เช่น งานตัดชิ้นงานเป็นรูปทรงเรขาคณิต ลักษณะการขับใบเลื่อย
การหล่อเย็นชิ้นงานขณะตัดเฉือนโลหะการหล่อเย็นชิ้นงานขณะตัดเฉือนโลหะ หน้าที่ของน้ำมันหล่อเย็น 1. ระบายความร้อน น้ำมันตัดกลึงโลหะมีหน้าที่ระบายความร้อนออกจากบริเวณใบมีดและชิ้นงานเพื่อไม่ให้ใบมีดสูญเสียความแข็งหรืออ่อนตัว อันเนื่องมาจากความร้อน ป้องกันไม่ให้เกิดการหลอมติดของเศษโลหะที่ปลายใบมีด (BUE) ทำให้สามารถทำงานตัดกลึงได้เร็วชิ้นงานได้ขนาดและคุณภาพผิดตามต้องการ
การหล่อเย็นชิ้นงานขณะตัดเฉือนโลหะการหล่อเย็นชิ้นงานขณะตัดเฉือนโลหะ หน้าที่ของน้ำมันหล่อเย็น 2. หล่อลื่นลดแรงเสียดทาน น้ำมันตัดกลึงโลหะทำหน้าที่หล่อลื่นลดแรงเสียทานระหว่าง ระหว่างชิ้นงานกับใบมีด รวมทั้งเศษโลหะที่เคลื่อนที่ผ่านหน้าใบมีด การตัดกลึงใช้กำลังน้อยลง ลดการสึกหรอของใบมีดช่วยป้องกันการเกิดปัญหา BUE
การหล่อเย็นชิ้นงานขณะตัดเฉือนโลหะการหล่อเย็นชิ้นงานขณะตัดเฉือนโลหะ หน้าที่ของน้ำมันหล่อเย็น 3. ซะล้างและพาเศษโลหะ น้ำมันตัดกลึงโลหะทำหน้าที่ในการชะล้างและพาเศษโลหะที่เกิดจากการตัดเฉือนออกไปจากบริเวณตัดเฉือน และชิ้นงาน 4. ป้องกันสนิม น้ำมันตัดกลึงโลหะทำหน้าที่ป้องกันสนิม ให้แก่ชิ้นงานที่ถูกตัดเฉือนใหม่ ซึ่งผิวโลหะส่วนนี้มักไวต่อการเกิดสนิมมากและยังทำหน้าที่ป้องกันสนิม ให้แก่เครื่องจักรและรางแท่น (Slideways) ด้วย
การบำรุงรักษาเครื่องเลื่อยชักการบำรุงรักษาเครื่องเลื่อยชัก เครื่องเลื่อยชักเป็นเครื่องจักรกลพื้นฐานที่มีความจำเป็นมาก ดังนั้นเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานจำเป็นจะต้องมีการบำรุงรักษาเครื่องดังต่อไปนี้ 1. ก่อนใช้เครื่องเลื่อยชักทุกครั้งควรหยอดน้ำมันหล่อลื่นตรงบริเวณจุดที่เคลื่อนที่ 2. หลังเลิกใช้งานทุกครั้งควรทำความสะอาด และใช้ผ้าคลุมเครื่องป้องกันฝุ่นละออง 3. ควรเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นทุก ๆ สัปดาห์ 4. ตรวจสอบกระบอกสูบน้ำมันไฮดรอลิกส์ว่ารั่วซึมหรือไม่ 5. ตรวจสอบ สายพาน มู่เล่ เฟืองทด ปั๊มน้ำหล่อเย็นเพื่อให้ใช้งานได้ตลอด
ความปลอดภัยในการใช้เครื่องเลื่อยชักความปลอดภัยในการใช้เครื่องเลื่อยชัก เครื่องจักรทุกชนิดมีประโยชน์แต่ก็มีโทษมากเช่นกัน ดังนั้นก่อนใช้งานทุกครั้งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเสมอ การใช้เครื่องเลื่อยชักก็เช่นกันสามารถเกิดอันตรายได้ เพื่อความปลอดภัยจึงต้องรู้วิธีใช้ดังนี้ 1. ก่อนใช้เครื่องเลื่อยชักทุกครั้งต้องตรวจสอบความพร้อมของเครื่องเสมอ 2. บีบปากกาจับชิ้นงานให้แน่นก่อนเปิดสวิตซ์เครื่องทำงาน
ความปลอดภัยในการใช้เครื่องเลื่อยชักความปลอดภัยในการใช้เครื่องเลื่อยชัก 3. ห้ามตัดชิ้นงานที่มีความยาวน้อยกว่าปากของปากกาจับงาน เพราะจะทำให้ใบเลื่อยหัก 4. เมื่อต้องการตัดชิ้นงานยาว ๆ ควรมีฐานรองรับงานมารองรับปลายชิ้นงานทุกครั้ง 5. ก่อนเปิดสวิทซ์เดินเครื่องเลื่อยชักต้องยกใบเลื่อยให้ห่างจากชิ้นงานประมาณ 10 มิลลิเมตร 6. การป้อนตัดด้วยระบบไฮดรอลิคมากเกินไปจะทำให้ใบเลื่อยหัก
ความปลอดภัยในการใช้เครื่องเลื่อยชักความปลอดภัยในการใช้เครื่องเลื่อยชัก 7. เหล็กหล่อ ทองเหลือง ทองแดง และอะลูมิเนียมควรหล่อเย็นให้ถูกประเภท 8. ไม่ควรก้มหน้าเข้าใกล้โครงเลื่อยชักขณะจะเปิดสวิตซ์เดินเครื่องเลื่อยทำงาน 9. ขณะเครื่องเลื่อยชักกำลังตัดชิ้นงานห้ามหมุนถอยปากกาจับงานออกเป็นอันขาด 10. เพื่อความปลอดภัยให้คิดก่อนทำเสมอ
หลักการทำงานของเครื่องเจียระไนหลักการทำงานของเครื่องเจียระไน การลับเครื่องมือตัด เนื่องจากเครื่องมือตัดมีมากมายหลายประเภท เช่น มีดกลึง มีดไส ดอกสว่าน แต่ละประเภทยังมีรูปทรงและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันอีก เช่น มีดกลึงปาดหน้า มีดกลึงบอกมีดกลึงเกลียว และมีดกลึงขึ้นรูปต่าง ๆ ดังนั้น วิธีการลับจึงต้องตามรูปแบบของเครื่องมือตัดแต่ละชนิดตามที่ต้องการ ซึ่งในที่นี้จะบอกล่าวเฉพาะที่สำคัญ ๆ ดังนี้
มีดกลึง (Cutting Tool)เป็นเครื่องมือแปรรูปชิ้นงาน เพื่อให้ชิ้นงานมีรูปร่างและขนาดได้พิกัดตามแบบสั่งงาน วัสดุทำมีดกลึงสำหรับใช้ในงานกลึงปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ มีดกลึงทำจากเหล็กกล้ารอบสูง (HSS) ซึ่งเป็นมีดกลึงที่นิยมใช้งานโดยทั่วไป และมีดกลึงที่ทำจากคาร์ไบด์ (Carbide) ซึ่งเป็นโลหะที่มีความแข็งสูงมาก เหมาะสำหรับการกลึงขึ้นรูปชิ้นงานที่เป็นโลหะแข็ง แข็งมาก หรืองานกลึงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เช่น เหล็กหล่อ เหล็กกล้าผสม มีดกลึงมีคมตัดเป็นมุมต่าง ๆ ที่เหมาะสำหรับการนำไปใช้กับชิ้นงานที่เป็นวัดสุดที่สอดคล้องกัน เมื่อคมมีดกลึงทื่อแล้ว ต้องเจียระไนให้คม และได้มุมที่ต้องการสำหรับการใช้งานต่อไป
วัสดุมีดกลึงช่างโลหะ วัสดุที่ใช้ทำมีดกลึงงานโลหะ • เหล็กไฮสปีด (High Speed Steel = HSS) เป็นเหล็กกล้าผสมสามารถรักษาคมไว้ได้จนอุณหภูมิสูงถึง 6500 ซ. เหล็กไฮสปีดมีส่วนประกอบต่าง ๆ กัน แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักคือ • - เหล็กไฮสปีดชนิด 18-4-1 มีส่วนผสมของทังสเตน 18% โครเมียม 4% และวาเนเดียม 1% • - โมลิบดีนัมไฮสปีดสตีล เป็นเหล็กไฮสปีดที่ใช้โมลิบดีนัมผสมแทนทังสเตนบางส่วน ส่วนผสมที่นิยมใช้คือ ทังสเตน 6% โมลิบดีนัม 6% โครเนียม 4% วาเนดียม 2% • - ซุปเปอร์ไฮสปีดสตีลมีโคบอลต์ผสมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-15% ทังสเตน 20% โครเมียม 4% วาเนดียม 2% และโคบอลต์ 12%
- โมลิบดีนัมไฮสปีดสตีล เป็นเหล็กไฮสปีดที่ใช้โมลิบดีนัมผสมแทนทังสเตนบางส่วน ส่วนผสมที่นิยมใช้คือ ทังสเตน 6% โมลิบดีนัม 6% โครเนียม 4% วาเนดียม 2% - ซุปเปอร์ไฮสปีดสตีลมีโคบอลต์ผสมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-15% ทังสเตน 20% โครเมียม 4% วาเนดียม 2% และโคบอลต์ 12%
วัสดุมีดกลึงช่างโลหะ • สเตลไลต์ (Stelite) ใช้เป็นมีดเล็บมีส่วนผสมของทังสเตนประมาณ 12-15% โครเมียม 15-3% โคบอลต์ 40-50% คาร์บอน 1-4% และมีคาร์ไบด์ของธาตุอื่น ๆ อีกประมาณ 1% คงความแข็งไว้ได้จนอุณหภูมิสูงถึงประมาณ 9500 ซ. • 3. ทังสเตนคาร์ไบต์ (Thungsten Carbide) ใช้เป็นมีดเล็บ เป็นวัสดุที่สังเคราะห์มาจากทังสเตนกับคาร์บอนทนความร้อนโดยไม่เสียคม จนอุณหภูมิสูงประมาณ 1,2000 ซ. เหมาะสำหรับกลึงงานที่เป็นเหล็กหล่อไม่เหมาะกับการกลึงเหล็กกล้า อัตราส่วนที่เหมาะสมคือ ทังสเตนคาร์ไบด์ 82% ไทตามเนียมคาร์ไบด์ 10% และโคบอลต์ 8%
วัสดุมีดกลึงช่างโลหะ 4. เพชร (Diamond) ใช้เป็นมีดเล็บสำหรับกลึงงานเบา ๆ ที่ต้องการขนาดที่เที่ยงตรงมากหรือใช้สำหรับตัดงานที่มีความแข็งมาก จนไม่สามารถตัดด้วยวัสดุอื่นได้ 5. เซรามิก (Ceramic) ใช้เป็นมีดเล็บ ทนความเร็วตัดให้สูงกว่าวัสดุชนิดอื่น ๆ และทนแรงอัดได้สูง แต่เปราะมาก ชุดมีดเซรามิก
ชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งานชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งาน • มีดกลึงปาดหน้า ใช้สำหรับปาดหน้าชิ้นงานให้เรียบ มีทั้งปาดหน้าซ้ายและปาดหน้าขวา ดังรูป มีดกลึงปาดหน้าซ้าย มีดกลึงปาดหน้าขวา
ชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งานชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งาน • มีดกลึงปอก ใช้สำหรับกลึงปอกชิ้นงานให้ได้ขนาดความยาวเส้นผ่าศูนย์กลางที่ต้องการ มีทั้งมีดกลึงปอกขวา คือ กลึงปอกจากขวามือมาซ้ายมือหรือจากท้ายแท่นมายังหัวเครื่องกลึง และมีดกลึงปอกซ้าย คือ กลึงจากซ้ายมือมาขวามือหรือกลึงจากหัวเครื่องกลึงมายังท้ายแท่น มีดกลึงปอกซ้าย มีดกลึงปอกขวา
ชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งานชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งาน - มีดกลึงปอกชนิดกลึงปอกได้ทั้งกลึงปอกซ้ายและกลึงปอกขวา เหมาะสำหรับงานที่ต้องการกลึงในสองทิศทาง - มีดตัดหรือมีดกลึงตกร่องเป็นมีดกลึงที่ใช้ตัดชิ้นงานหรือใช้กลึงตกร่องชิ้นงาน มีดกลึงทั้งสองทิศทาง มีดตัดหรือมีดกลึงตกร่อง
ชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งานชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งาน - มีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยมเป็นมีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยมที่ใช้กลึงเกลียวนอกส่วนมากมีมุมรวม 60 องศา - มีดคว้านรูใน ใช้สำหรับคว้านรูให้เรียบ และได้ขนาดตามต้องการ มีดกลึงเกลียวนอก มีดคว้านรูใน
ชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งานชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งาน • มีดกลึงเกลียวใน ใช้สำหรับกลึงเกลียวใน
ชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งานชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งาน มุมของมีดกลึง มีดกลึงที่จะนำไปใช้งาน จะต้องมีการลับคมตัดมีดกลึงเสียก่อน ซึ่งส่วนที่ถูกลับออกไปจะทำให้เกิดเป็นมุมขึ้น • มุมคายเศษ (Top Rake Angle) มุมนี้จะเป็นมุมที่ลับลงมาให้ลาดต่ำลงจากปลายมีดกลึง สำหรับให้เศษกลึงไหลออกได้สะดวกยิ่งขึ้นขณะคมมีดกลึงกินนาน • มุมฟรีหน้า (Front Relief Angle) มุมนี้เป็นมุมที่ลับเพื่อไม่ให้ผิวด้านหน้าของมีดกลึงเสียดสีกับผิวงานขณะกลึง • มุมฟรีข้าง (Side Relief Angle) มุมนี้เป็นมุมที่ลับเพื่อไม่ให้ผิวด้านข้างของมีด กลึงเสียดสีกับผิวงานขณะกลึง
ชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งานชนิดของมีดกลึงแบ่งตามลักษณะการใช้งาน • มุมรวมปลายมีด เป็นมุมที่เกิดจากการลับมุมคมตัดด้านข้างและมุมคมตัดด้านหน้าของมีดกลึง มุมของมีดกลึงแต่ละมุมจะแตกต่างกันไปตามวัสดุที่จะกลึงและขึ้นอยู่กับวัสดุที่จะนำมาใช้กลึง สำหรับในที่นี้จะกล่าวถึงมีดกลึงที่ทำด้วยเหล็กรอบ • มุมตัดด้านข้าง (Side Cutting Edge Angle) เป็นมุมที่ลับให้คมตัดเอียงทำมุมกับของของตัวมีด เพื่อให้มีดกลึงเดินตัดเนื้อวัสดุได้สะดวกมีแรงต้านน้อย ขนาดของมุมนี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ใช้ทำมีดและวัสดุงาน • มุมตัดด้านหน้า (Front Cutting Edge Angle) เป็นมุมที่ลับเพื่อไม่ใช้ผิวด้านหน้าของคมตัดของมีดกลึงเสียดสีกับผิวงานในขณะกลึงงาน
ขั้นตอนการลับมีดกลึง การลับมีดกลึงปาดหน้ามี 3 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 ลับมุมหลบข้างมีด 8 องศา ยาว 15 มิลลิเมตร
การลับมีดกลึงปาดหน้า ขั้นที่ 2 ลับมุมหลบปลายมีด 10 องศา และมุมหลบหน้ามีด 8 องศาพร้อมกัน
การลับมีดกลึงปาดหน้า ขั้นที่ 3 ลับมุมคายเศษ 14องศา
การลับมีดกลึงปอกผิว ขั้นที่ 1 ลับมุมหลบข้างมีด 8 องศา และ 8 องศา พร้อมกัน
การลับมีดกลึงปอกผิว ขั้นที่ 2 ลับมุมหลบปลายมีด 90 องศา และมุมหลบหน้ามีด 8องศาพร้อมกัน
การลับมีดกลึงปอกผิว ขั้นที่ 3 ลับมุมคลายเศษ 14 องศา แสดงการลับมุมคายเศษ
ลับมีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยมลับมีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยม ขั้นที่ 1 ลับมุมมีดด้านซ้าย 30 องศา และ 1 องศาพร้อมกัน
ลับมีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยมลับมีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยม ขั้นที่ 2 ลับมุมมีดด้านขวา 30 องศา
ลับมีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยมลับมีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยม ขั้นที่ 3 ลับมุมปลายมีด 8 องศา
การลับมีดไส การลับมีดไส มีวิธีการลับเช่นเดียวกับการลับมีดกลึงปาดหน้า มีดกลึงปอกผิว มีดกลึงเกลียวสามเหลี่ยมจะแตกต่างกันตรงค่าขิงมุมคมตัดเท่านั้น ขั้นตอนที่ 1 ลับมุมด้านข้าง 2 องศาและ 8 องศาพร้อมกัน
การลับมีดไส ขั้นที่ 2 ลับมุมหลบปลายมีด 8 องศามุมหลบหน้ามีด 5 องศาพร้อมกัน
การลับมีดไส ขั้นที่ 3 ลับมุมคายเศษ
การบำรุงรักษาเครื่องเจียระไนลับคมตัด 1. หมั่นตรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องให้เรียบร้อยทุกจุด ให้อยู่ในสภาพดี พร้อมจะใช้งานเสมอ หากเกิดการชำรุดเสียหายควรทำการจัดซ่อมให้ใช้งานได้ดี 2. ตรวจดูล้อหินเจียระไนว่ามีรอยร้าวหรือรอยบิ่นหรือไม่ เมื่อล้อหินเจียระไนทื่อไม่คมจะต้องทำการแต่งหน้าหินเจียระไนใหม่ 3. ควรดูแลรักษามอเตอร์ คอยตรวจสอบเสียงของมอเตอร์ว่ามีเสียงดังผิดปกติหรือไม่ 4. จะต้องตรวจสอบระยะห่างของแท่นรองรับงานเป็นประจำ โดยให้มีระยะห่างมากสุด ไม่ควรเกิน 3 มม. เพื่อป้องกันชิ้นงานหรือเครื่องมือตัดหลุดเข้าไปในระหว่างล้อหิน อาจจะทำให้ล้อหินแตกหรือแท่นรองรับงานอาจแตกหักทำให้เกิดความเสียหายได้ 5. หลังจากเลิกใช้งานทุกครั้ง ควรปิดสวิตซ์และทำความสะอาดเครื่องเจียระไน
ความปลอดภัยในการใช้เครื่องเจียระไน 1. ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องเจียระไนก่อนเปิดเครื่องใช้งานทุกครั้ง เช่น ตรวจสอบระบบไฟฟ้า ล้อหินเจียระไน ฝาครอบล้อหินเจียระไน ฯลฯ เป็นการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวอยู่ในสภาพที่พร้อมจะใช้งานและมีความปลอดภัยหรือไม่ 2. การแต่งกายต้องรัดกุม ไม่รุ่มร่าม ไม่ผูกเน็กไท ผมไม่ยาวรุงรัง 3. ต้องสวมแว่นตานิรภัยทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน 4. จะต้องมีกระจกนิรภัยและอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้งาน เพื่อป้องกันเศษโลหะกระเด็นเข้าตา 5. ต้องปรับระยะห่างแท่นรองรับงานให้อยู่ในระยะห่างไม่เกิน 3 มม. ป้องกันชิ้นงานหลุดเข้าไปขัดกับล้อหินเจียระไน ล้อหินเจียระไนอาจจะแตกกระเด็นโดยผู้ปฏิบัติงานได้
ความปลอดภัยในการใช้เครื่องเจียระไน 6. เมื่อล้อหินเจียระไนทื่อหรือเกิดรอยบิ่น จะต้องทำการแต่งหน้าล้อหินเจียระไนใหม่ มิฉะนั้นผู้ปฏิบัติงานจะต้องออกแรงกดชิ้นงานที่นำมาลับมากเพราะหินทื่อ อาจจะทำให้พลาดไปโดนล้อหินเจียระไน ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 7. ห้ามใช้ผ้าจับเครื่องมือตัดหรือชิ้นงานที่นำมาเจียระไน เพราะผ้าอาจจะติดเข้าไปในล้อหินเจียระไนที่กำลังหมุน และทำให้มือติดเข้าไปด้วยทำให้เกิดอันตรายได้ 8. ในขณะเริ่มเปิดสวิตซ์เครื่องเจียระไนเพื่อปฏิบัติงานจะต้องระมัดระวังไม่ยืนตรงกับล้อหินเจียระไน เพราะในช่วงที่เริ่มเปิดเครื่องใหม่ ๆ ล้อหินเจียระไนจะมีแรงเหวี่ยงมาก ถ้าล้อหินเจียระไนเกิดรอยแตกร้าวอยู่ก่อนอาจกระเด็นออกมาถูกผู้ปฏิบัติงานทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 9. เครื่องเจียระไนทุกเครื่องจะต้องมีการติดตั้งสายดินเพื่อป้องกันไฟฟ้าดูดผู้ปฏิบัติงาน